PTT โบรกฯ มองเชิงบวกมากขึ้นในปีหน้า ชี้ Dividend Yield ปี 66-67 เฉลี่ยเกือบ 6%
#PTT #ทันหุ้น-บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำเก็งกำไรในหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ให้ราคาเป้าหมายที่ 38.50 บาท โดยมีมุมมองบวกในปี 2567 มากขึ้น เพราะธุรกิจก๊าซมีโอกาสฟื้นตัว จากต้นทุนก๊าซลดลง ปริมาณขายสูงขึ้น ,รับรู้โครงการใหม่ๆ แผนปิดซ่อมลดลง รวมถึงธุรกิจใหม่จะเริ่มสร้างกำไรมากขึ้น เช่นโรงงานแบตเตอรี่ Gotion กำลังผลิต 4 GW (COD ปลายปี 2566), โรงงานแบตเตอรี่ Cell-to-Pack กับ CATL กำลังผลิต 6GW COD ปี 2567, โรงงานประกอบ EV Foxconn 5 หมื่นคัน COD ปี 2567 รวมทั้งผลิตภัณฑ์ เช่น Plant-based, ยา และเวชภัณฑ์, EV 2 ล้อ และการขยายกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียน
นอกจากนี้โครงสร้างธุรกิจของ PTT ครบวงจร ช่วยให้กำไรมีเสถียรภาพ ราคาปัจจุบันมี Dividend Yield ปี 2566 - 2567 เฉลี่ยเกือบ 6% ต่อปี และได้ประโยชน์จากการจัดตั้งกองทุน TESG เพราะเป็นหุ้นบิ๊กแคป ที่ได้รับการจัดอันดับ AAA จาก SET ESG Rating
ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/66 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อน จากธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรเคมี และน้ำมันของบริษัทลูก แต่ธุรกิจก๊าซที่ PTT ดำเนินงานเองยังมีแนวโน้มประคองตัวได้ดีกว่า
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำซื้อหุ้น PTT ให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท ยมองว่ากำไรของ PTT ในปี หน้าอาจลดลงแต่จะดูดีกว่าธุรกิจปลายน้ำ(โรงกลั่น ค้าปลีกน้ำมันและปิโตรเคมี) ด้วยแรงหนุนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติตามปริมาณขายเพิ่มขึ้นและต้นทุน Pool Gas ลดลง และ PTTEP ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น PTT อยู่ระหว่างพัฒนาธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ และสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกทั้งธุรกิจ EV Value Chain ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจโลจิสติกส์
โดยมีมุมมองบวกต่อธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่ง PTT บวกต่อนโยบายแลนด์บริดจ์ของภาครัฐ ด้วยมี บริษัทย่อย ที่มองหาโอกาสเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจนี้โดยตรงอยู่แล้ว โดยจะเน้นเข้าไปมีส่วนร่วมบางส่วนโดยเฉพาะในด้านการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับฝั่งอันดามัน ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ PTT มีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการในฝั่งตะวันออก (ชลบุรีและระยอง) คือ LNG Receiving Terminal 3 ที่มาบตาพุด และการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3