"สภาพัฒน์" คงประมาณ GDP ปี 2568 ขยายตัว 2% ปีหน้าผลกระทบภาษีทรัมป์มาแน่ ย้ำเร่งเจรจาการค้า

"สภาพัฒน์" แถลงGDP ไตรมาส 3 ปี 2568 ขยายตัวที่ 1.2% คงประมาณการ GDP ปี 2568 ทั้งปีขยายตัวที่ 2% คาดผลกระทบภาษีทรัมป์ส่งผลชัดเจนปีหน้า
นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568-2569 ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2568 ขยายตัว 1.2% ชะลอลงจาก 2.8% ในไตรมาสที่สองของปี 2568
แม้การใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวต่อเนื่อง แต่การส่งออกสินค้าชะลอตัว ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของรัฐบาล การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการลดลง เมื่อรวม 9 เดือนแรกของปี 68 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ในระดับ 2.4%
และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2568 ลดลงจากไตรมาสที่สองของปี 2568 0.6% รวม 9 เดือนแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทย ขยายตัว 2.4%
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ สาขาเกษตรกรรมขยายตัว 1.9% สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลง 1.6% สาขาการก่อสร้างลดลง 4% สาขาการขายส่ง และการขายปลีกขยายตัว 6.5% สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้าขยายตัว 3% และสาขาที่พักแรม และบริการด้านอาหารขยายตัว 0.8% เป็นต้น
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.76% ต่ำกว่า 0.88% ในไตรมาสก่อน และต่ำกว่า 1.02% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ -0.7% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่0.8% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. (88.3 พันล้านบาท)
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 262.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 มีมูลค่าทั้งสิ้น 12.23 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.8% ของ GDP
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/68 นั้น เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า จากการที่สภาพัฒน์ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้ไว้ที่ 2% และเศรษฐกิจไทยช่วง 3 ไตรมาส (มกราคม-กันยายน 2568) ขยายตัวได้เฉลี่ย 2.4% แล้วนั้น ในไตรมาสสุดท้ายที่เหลือของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม 2568) เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้ไม่ถึง 1% หรืออาจอยู่ที่ราว 0.6% ซึ่งประมาณการดังกล่าว ได้รวมผลบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไว้แล้ว
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ยังมีโอกาสจะขยายตัวได้มากกว่า 0.6% ซึ่งต้องรอดูผลจากอีกหลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะทยอยออกมาเพิ่มเติมด้วย อันจะเป็นแรงส่งที่สำคัญไปยังเศรษฐกิจไทยในปีหน้าด้วยเช่นกัน
เลขาธิการสภาพัฒน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุดไตรมาส 4 และมาตรการต่าง ๆ ยังไม่ได้ออกมามาก เรื่องเศรษฐกิจจะขึ้นกับ performance และอีกส่วนขึ้นกับ sentiment ที่จะนำไปสู่การสร้าง performance ในระบบเศรษฐกิจได้ ขึ้นกับความเชื่อมั่น มาตรการต่าง ๆ เช่น คนละครึ่งพลัส ได้รับการตอบสนองดี ถือว่ามีแรงส่งในเชิงบวกเรื่องการใช้จ่าย มีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ดังนั้นหากรัฐบาลทำนโยบายเพิ่มเติมในไตรมาสที่ 4 นี้ ย่อมส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในปีหน้าได้ เรายังไม่ได้ปิดประตูตายว่า ไตรมาส 4 ปีนี้ GDP จะโตได้แค่ 0.6% เพราะยังต้องขึ้นกับอีกหลายตัวแปร เช่น การเจรจาการค้า มาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่กำลังจะออกมา ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจได้
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.0% ชะลอลงจากการขยายตัว 2.5% ในปี 2567 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ (-0.2) และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.8% ของ GDP
เลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า จากเดิมที่เราคาดการณ์ว่าการส่งออกของโลกจะหดตัวลง แต่การส่งออกในปีนี้ยังมีการเติบโตอยู่ทำให้มีการปรับขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จากเดิม 2.7% มาอยู่ที่ 3.4% แต่ในปี 2569 คาดว่าจะได้รับผลกระทบจนปริมาณการค้าโลกลดลงเหลือ 2.3%
โดยประเทศไทยมีสินค้าที่จะถูกผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐกว่า 82% ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ขณะที่สินค้าที่มีการสวมสิทธิเพื่อส่งออกมีสินค้าจากจีนที่สวมสิทธิเพื่อส่งออกของไทยก็มีสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันโครงสร้างการส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้น และสินค้าที่เรานำเข้าจากจีนก็เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ต้องมีการพิจารณากันต่อไป
นอกจากนี้ยังมองว่า ในปีหน้าการลงทุนจากภาครัฐจะมีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการที่รัฐบาลเร่งจัดงบประมาณปี 70 ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากงบประมาณมีความล่าช้า จะส่งผลต่อการเบิกจ่ายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงบลงทุน ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการก่อสร้าง
พร้อมย้ำว่าการเร่งจัดทำงบประมาณจะช่วยได้ และจากการที่กรอบงบลงทุนปีหน้าปรับสูงขึ้น จะมีผลอย่างมีนัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น ดังนั้นปีหน้า จะยังมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐ
ในขณะที่การส่งออกปีหน้า เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น การเจรจาทางการค้าก็จะมีบทบาทที่สำคัญมากต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้าเช่นกัน โดยทางเลขาธิการสภาพัฒน์ ระบุว่า การเจรจา จึงมีความสำคัญมาก เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ถ้าการเจรจาได้ผล ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเร่งหาตลาดใหม่ โดยตลาดที่ยังมีศักยภาพสูง เช่น เอเชียใต้ และแอฟริกา
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
