SCL ขายอะไหล่ฟื้น  เจาะตลาดรถยุโรป

#SCL #ทันหุ้น – SCL ปลื้มยอดขายฟื้นคืนชีพพุ่ง 16% ในไตรมาส 3/2568 หลังปรับซับพลายเชน และโลจิสติกส์ ชี้ตลาดซ่อมบำรุงรถยนต์ขยายตัว มั่นใจดันรายได้เติบโตตามเป้าแตะ 2 พันล้านบาท ฉลุย เล็งสยายปีกอะไหล่ยุโรปมาร์สูง

                นายสกล  ตั้งก่อสกุล  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล. มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ผู้นำศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์ที่ครอบคลุมค่ายรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 16% YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน รวมถึงในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีการปรับปรุงในเรื่องของ Supply Chain และ Logistics ซึ่งได้ปรับปรุงเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา จึงทำให้ยอดขายเริ่มกลับมาดีขึ้น

@ตลาดซ่อมรถเร่งตัว

                ทั้งนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ ในตลาดบริการซ่อมบำรุงรถยนต์ประเภทเร่งด่วน (Fast Fit) เริ่มมีการขยายตัวขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น แบรนด์ Autobacs กับ Autoone มีการเปิดสาขาค่อนข้างมาก และเป็นทางเลือกของผู้ใช้รถยนต์ ในการดูแลรักษารถยนต์ในราคาที่ย่อมเยาตามสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งจะประหยัดกว่าการนำไปเข้าศูนย์บริการของค่ายรถยนต์โดยตรง ทำให้ตลาดตรงนี้มีการเติบโตพอสมควรและบริษัทจึงไปจับฐานลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ส่งผลให้มียอดขายที่เติบโตขึ้น

                ขณะที่บริษัทพึ่งพาประชากรรถยนต์กว่า 21.3 ล้านคัน และกว่า 70% ของรถยนต์เหล่านี้ มีอายุมากกว่า 5 ปี ซึ่งทำให้อัตราการซ่อมบำรุงรวมถึงความต้องการอะไหล่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้สินค้าของบริษัทมีทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทน โดยเฉพาะอะไหล่ทดแทนที่เป็นสินค้ามาร์จิ้นสูง

                ในส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงประกัน และยังใช้บริการในศูนย์ของค่ายรถ โดยบริษัทได้เริ่มมีสินค้าที่จับตลาดรถ EV มากขึ้นมีการเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ ระบบ Coolance หรือ น้ำยาหล่อเย็น ของรถยนต์ EV ซึ่งอัตราการใช้งานสินค้าที่เกี่ยวกับรถยนต์ EV ยังน้อยอยู่ เนื่องจากจำนวนรถยนต์ EV ในไทยรวมกันอยู่ประมาณ 150,000 คัน เท่านั้น แต่คาดว่าตลาดจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

@เปิดตลาดใหม่

                อย่างไรก็ดีบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์การเติบโตยังคงเน้นการเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม รวมถึงหาคู่ค้าเพิ่มเข้ามาในพอร์ต และคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 แบรนด์ ในช่วงต้นปีหน้า แบ่งเป็นอะไหล่ทดแทน 1 แบรนด์ และอะไหล่ยุโรป 1 แบรนด์ ซึ่งอะไหล่สำหรับรถยุโรป มีมาร์จิ้นสูงกว่าอะไหล่รถญี่ปุ่น    อีกทั้งรถยุโรปมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว ทำให้บริษัทสามารถเข้าไปจับตลาดได้ทันที ซึ่งไม่เหมือนรถจีนที่เป็นรถเข้ามาใหม่และไม่ได้เน้นการซ่อมบำรุงมาก ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้ากลุ่มรถยุโรปยังน้อยมาก แต่บริษัทจะเริ่มลุยตลาดนี้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีใหม่ คาดว่าจะเป็นตลาด Blue Ocean ที่ยังไม่มีคู่แข่งรายไหนทำตลาดอย่างจริงจัง ทำให้บริษัทยังมีความได้เปรี