"DragonFire" อาวุธเลเซอร์ล้ำยุคของสหราชอาณาจักรประสบความสำเร็จในการยิงโดรนความเร็วสูง

วันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมแห่งสหราชอาณาจักรได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของระบบอาวุธพลังงานเลเซอร์นำวิถี (LDEW) ที่ชื่อว่า DragonFire ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเสริมศักยภาพให้กับกองทัพสหราชอาณาจักร การทดสอบล่าสุดได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการทำลายโดรนความเร็วสูง การทดสอบได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน บริเวณสนามทดสอบเฮบริดีส (Hebrides Range) ในประเทศสกอตแลนด์
การทดสอบดังกล่าว ระบบอาวุธพลังงานเลเซอร์นำวิถี (LDEW) DragonFire ซึ่งเป็นระบบเลเซอร์กำลังสูงชนิดโซลิดสเตท (high-powered, solid-state laser) ของราชนาวี (Royal Navy) สามารถยิงโดรนที่บินด้วยความเร็วสูงถึง 351 นอต หรือ 650 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้สำเร็จ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการทำลายเป้าหมายความเร็วสูงเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการพัฒนาโครงการที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้วย
นอกจากนี้ DragonFire ยังได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถใหม่ที่ก้าวหน้า รวมถึงความสามารถในการเล็งเป้าหมายเหนือขอบฟ้า (Above-the-horizon targeting) ซึ่งหมายความว่าอาวุธเลเซอร์สามารถล็อกเป้าและยิงใส่เป้าหมายที่อยู่เหนือความโค้งของโลกได้ นอกเหนือระยะการมองเห็นของมนุษย์ โดยเชื่อมโยงกับเซ็นเซอร์อื่น ๆ เช่น เรดาร์บนเรือ
ความแม่นยำสูงและต้นทุนต่ำ
จุดเด่นที่ทำให้ DragonFire กลายเป็นคำตอบที่สำคัญสำหรับยุทธศาสตร์การป้องกันภัยทางอากาศ (Counter UAS) คือประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่เหนือกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับอาวุธจลน์แบบดั้งเดิม (Traditional kinetic solutions) ในขณะที่ขีปนาวุธที่ใช้สกัดกั้นโดรนอาจมีราคาสูงถึง 1 ล้านปอนด์ หรือ 42.4 ล้านบาทต่อลูก แต่ค่าใช้จ่ายในการยิงเลเซอร์ DragonFire หนึ่งครั้งนั้นต่ำมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 10 ปอนด์ หรือ 425 บาทต่อช็อต หรือการยิงเลเซอร์เป็นเวลา 10 วินาที มีค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับการใช้เครื่องทำความร้อนทั่วไปเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ความคุ้มทุนต่อการทำลายเป้าหมาย (Cost-to-kill) นี้สามารถเป็นคำตอบสำหรับสงครามเศรษฐศาสตร์ หรือการแข่งขันด้านต้นทุน ในการรับมือกับภัยคุกคามจากโดรน ยิ่งไปกว่านั้น การใช้เลเซอร์ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บอาวุธ (Magazine depth) โดยการช่วยประหยัดขีปนาวุธสำหรับภารกิจที่จำเป็นมากกว่า
ในด้านความแม่นยำ DragonFire มีความสามารถในการเล็งเป้าหมายที่แม่นยำเทียบเท่ากับการยิงโดนเหรียญ 1 ปอนด์จากระยะทาง 1 กิโลเมตร ซึ่งความแม่นยำสูงนี้ช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหายข้างเคียง เมื่อเทียบกับการใช้กระสุนหรือขีปนาวุธ เนื่องจากลำแสงเลเซอร์จะเดินทางถึงเป้าหมายด้วยความเร็วแสง และใช้ลำแสงความเข้มสูงตัดผ่านเป้าหมายทำให้เกิดความล้มเหลวทางโครงสร้างระบบไฟฟ้าและพื้นผิวภายนอก
เร่งติดตั้งประจำการบนเรือรบ
ระบบอาวุธพลังงานเลเซอร์นำวิถี (LDEW) DragonFire เป็นผลจากการลงทุนร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมและภาคอุตสาหกรรมมูลค่า 100 ล้านปอนด์ หรือ 4,250 ล้านบาท เดิมทีระบบนี้ถูกกำหนดให้เข้าประจำการในปี 2032 แต่เนื่องจากภัยคุกคามจากโดรนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในสมรภูมิ และความสำเร็จในการทดสอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้สหราชอาณาจักรได้เร่งโครงการขึ้น 5 ปี
ปัจจุบัน DragonFire คาดว่าจะถูกติดตั้งบนเรือของราชนาวี (Royal Navy) เช่น เรือฟริเกต Type 45 ภายในปี 2027 โดยรัฐบาลได้ให้งบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติม 316 ล้านปอนด์ หรือ 13,430 ล้านบาท แก่ผู้รับเหมาหลัก MBDA เพื่อผลักดันระบบนี้เข้าสู่การใช้งาน
DragonFire และอาวุธพลังงานเลเซอร์อื่น ๆ ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธแบบบูรณาการ (Integrated air and missile defence) แม้ว่าระบบเลเซอร์จะมีข้อจำกัด เช่น ประสิทธิภาพที่ลดลงในสภาพอากาศฝนตกหรือหมอกจัด แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาวุธเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ควบคู่ไปกับอาวุธจลน์แบบดั้งเดิมเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่หลากหลายในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
