วัยรุ่นลุ้นระทึก! เงินหมื่นเฟส 3 ยังมีสิทธิ์ รัฐบาลชะลอแต่ไม่ล้ม

แม้จะมีข่าวลือว่าโครงการ “ดิจิทัลวอลเลต” อาจถูกยกเลิกในเฟสถัดไป แต่ล่าสุด นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ออกมายืนยันด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า รัฐบาลยังไม่ได้ยุติโครงการดังกล่าว เพียงแต่กำลังอยู่ในช่วงการทบทวนรูปแบบการดำเนินการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เช้าวันที่ 15 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลตยังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะเฟสที่ 3 ซึ่งกำหนดไว้สำหรับกลุ่มเยาวชนอายุ 16 ถึง 20 ปี ที่ขณะนี้เริ่มมีคำถามและความกังวลว่าจะยังได้รับสิทธิตามเดิมหรือไม่
เงื่อนไขใหม่จากเวทีโลก
ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อการทบทวนแผน คือ สถานการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังถูกจับตามองว่าอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการคลังในหลายประเทศ รวมถึงไทย
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ความเคลื่อนไหวด้านภาษีของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเข้ามากระทบวงจรนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยโดยตรง แต่ในเมื่อเงื่อนไขใหม่เกิดขึ้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากหลากหลายฝ่ายก่อนจะเคาะรายละเอียดขั้นสุดท้ายของโครงการ โดยเฉพาะในเฟสที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ไม่ใช่แค่แจกเงิน แต่คือการเลือกเครื่องมือให้เหมาะ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ในการปรับรูปแบบการแจกเงิน เช่น การเปลี่ยนไปใช้โมเดลแบบ “คนละครึ่ง” ที่เคยใช้ในอดีตรัฐบาลก่อนหน้า นายกรัฐมนตรีตอบว่ารัฐบาลมีหลายแผนรองรับอยู่แล้ว เพราะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องการการกระตุ้นในหลายมิติ ไม่ใช่แค่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มวัยรุ่นเพียงอย่างเดียว
การกระจายเม็ดเงินให้ตรงกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพในการจับจ่ายในระบบเศรษฐกิจจริง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งรัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอ ทั้งจากผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ภาคประชาชน และภาคธุรกิจ เพื่อเลือกวิธีที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
กลุ่มเยาวชนยังอยู่ในความคิด
แม้จะยังไม่มีข้อยืนยันแน่ชัดว่าเยาวชนอายุ 16–20 ปี จะได้รับเงินผ่านดิจิทัลวอลเลตตามแผนเดิมหรือไม่ แต่คำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีก็ชัดเจนว่า กลุ่มนี้ยังคงอยู่ในความคิดของผู้วางนโยบาย
โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินดิจิทัลนั้น ถือเป็นนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียง และได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ การปรับแผนให้ลงตัว จึงไม่เพียงเป็นเรื่องของตัวเลขงบประมาณหรือภาษี แต่รวมถึงการรักษาความหวังของผู้คนจำนวนมากที่ยังเชื่อว่ารัฐสามารถเป็นแรงหนุนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
รอเวลาเปิดไพ่ใบสุดท้าย
แม้นายกรัฐมนตรีจะปฏิเสธที่จะตอบคำถามตรงๆ ว่าหากโครงการนี้ถูกปรับหรือลดวงเงิน จะกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่ แต่การที่ผู้นำรัฐบาลเลือกใช้คำว่า “ขอฟังความคิดเห็นก่อน” และ “ยังไม่ได้ยกเลิก” ก็พอจะสื่อได้ว่า ยังมีพื้นที่ให้ขยับในเชิงยุทธศาสตร์
สิ่งที่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายอย่างวัยรุ่นอายุ 16–20 ปีต้องทำในขณะนี้ คือรอฟังคำตัดสินใจขั้นสุดท้ายของรัฐบาลว่าจะเดินหน้าในรูปแบบใด และหวังว่านโยบายที่ออกมาจะไม่ทำให้ความคาดหวังกลายเป็นเพียงความคาใจ