รีเซต

ดราม่าวัดพระบาทน้ำพุ ปมบริจาคและสิทธิผู้ป่วย HIV กลุ่มเปราะบาง

ดราม่าวัดพระบาทน้ำพุ ปมบริจาคและสิทธิผู้ป่วย HIV กลุ่มเปราะบาง
TNN ช่อง16
14 สิงหาคม 2568 ( 09:26 )
15

กลางปี 2568 วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์ หลังหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ประกาศเปิดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือวัดและผู้ป่วย HIV โดยระบุว่าจะนำไปสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิภายใต้วัดฯ และช่วยเหลือกลุ่มผู้ติดเชื้อที่อยู่ในความดูแล แต่เพียงไม่นานก็เกิดข้อสงสัยในโลกโซเชียลเกี่ยวกับการจัดการเงินบริจาค รวมถึงการซื้อที่ดินและการเปิดบัญชีรับเงินในนามส่วนตัวที่ไม่ผ่านระบบของวัดโดยตรง

ข้อสงสัยเหล่านี้ทำให้เกิดแรงกดดันจากสังคมให้ชี้แจงอย่างโปร่งใส นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างหมอบีและหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาส ซึ่งมีบทบาทดูแลวัดและมูลนิธิฯ มาอย่างยาวนาน การโต้ตอบกันผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้เรื่องราวขยายวงกว้าง

ประเด็นสิทธิผู้ป่วยและข้อกล่าวหาเรื่องการปฏิเสธดูแล

สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีผู้เปิดเผยว่ามีผู้ป่วย HIV ในกลุ่ม LGBTQ+ ถูกปฏิเสธการรับดูแลจากวัดโดยไม่ชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจน ประเด็นนี้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในบริบทที่ HIV ยังเป็นโรคที่ผู้ป่วยต้องเผชิญกับการตีตราและการเลือกปฏิบัติ การปฏิเสธดังกล่าวถูกมองว่าขัดกับหลักการให้ความช่วยเหลือแบบไร้เงื่อนไขที่หลายองค์กรด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชนยึดถือ

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในไทยปี 2568

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคและหน่วยงานภาคีระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ HIV สะสมที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 568,000 คน ในแต่ละปีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 8,000–13,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์กว่า 10,000 คนต่อปี กลุ่มเสี่ยงสูงสุดคือวัยรุ่นและหนุ่มสาวอายุ 15–24 ปี ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อรายใหม่สูงต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) สาวข้ามเพศ (TG) ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด (PWID) และผู้ขายบริการทางเพศ (FSW) เป็นกลุ่มที่มีอัตราติดเชื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยประชากรทั่วไป ซึ่งทำให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขต้องเน้นการรณรงค์และให้บริการป้องกันแบบเฉพาะกลุ่ม


การรักษาและความก้าวหน้าทางการแพทย์

การรักษามาตรฐานในปัจจุบันคือการใช้ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy – ART) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถกดปริมาณไวรัสในเลือดจนตรวจไม่พบ ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอายุยืนและใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ หากเริ่มรักษาเร็วและรับยาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีการใช้ PrEP สำหรับกลุ่มเสี่ยงและ PEP สำหรับผู้ที่เพิ่งมีความเสี่ยงภายใน 72 ชั่วโมง

วงการวิจัยยังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ เช่น แอนติบอดีชนิดกว้าง (bNAbs) และการตัดแต่งยีนด้วย CRISPR แม้จะยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่สร้างความหวังในอนาคต อย่างไรก็ตาม HIV ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องใช้ยาต้านตลอดชีวิต

ปัญหาการตีตราและอุปสรรคการเข้าถึง

แม้ระบบการรักษาจะพัฒนา แต่การตีตราทางสังคมยังเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น LGBTQ+ หรือผู้ใช้สารเสพติด ทำให้บางคนไม่กล้าเข้ารับบริการหรือหยุดการรักษา กรณีวัดพระบาทน้ำพุที่ถูกวิจารณ์ว่ามีการปฏิเสธดูแลผู้ป่วยบางกลุ่ม จึงเป็นสัญญาณเตือนว่าการแก้ปัญหา HIV ต้องครอบคลุมทั้งด้านการแพทย์และการคุ้มครองสิทธิ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อทุกคนได้รับโอกาสเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม

การเคลื่อนไหวของรัฐและภาคประชาสังคม

ภาครัฐและองค์กรเอกชนได้ร่วมกันตั้งเป้าลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ต่ำกว่า 1,000 รายต่อปีภายในปี 2573 ผ่านการรณรงค์ให้ความรู้ ขยายบริการ PrEP และ PEP รวมถึงสร้างความเข้าใจในสังคมเพื่อลดการตีตราผู้ป่วย ขณะเดียวกัน กรณีวัดพระบาทน้ำพุอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้หน่วยงานตรวจสอบมาตรการและแนวปฏิบัติขององค์กรการกุศลด้านสุขภาพให้ชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง