'บิ๊กตู่' ร่ายยาวเปิดมหกรรมสมุนไพร ขอ ปชช.มีสติ ใคร่ครวญ แจ๊กพ็อตเจอลุงดักมอบเสื้อด่า รบ. โอดแรงไปนะ
‘บิ๊กตู่’ เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ย้ำประชาชนมีสติ ใคร่ครวญ เหน็บคนวิจารณ์รัฐบาลไม่ทำ แต่คนทำงานไม่พูด แจ๊กพ็อต ลุงดักมอบเสื้อด่ารัฐบาล เวร! ไม่ใช้สมุนไพร เจ้าตัวบ่น แรงไปนะ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 มอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษสมุนไพรไทย สร้างเศรษฐกิจไทย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ได้เดินหน้าทำงานตั้งแต่เป็นรัฐบาลมา ได้เห็นถึงความคืบหน้าและความก้าวหน้ามาตามลำดับ ฉะนั้น การจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ประชาสังคมต่างๆ และธุรกิจได้มีส่วนร่วมกันในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสมุนไพรไทย ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง
นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศไปพร้อมกับการยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานสูง สร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับสากลเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เราควรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายกฯกล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ และมีศักยภาพมากมาย มีทั้งวิกฤตและโอกาส มีทั้งผลดีและผลเสีย ต้องไปศึกษา ใช้งานอย่างมีสติ แม้กระทั่งในการดำรงชีวิตทุกวันนี้ ตนเป็นห่วงสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขอย้ำว่าการตัดสินใจทุกอย่างต้องทำบนพื้นฐานของความเสี่ยง ซึ่งต้องอยู่ในความสมดุล ทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ทุกคนต้องช่วยกัน ถือเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ช่วยกัน หรือไม่มีสติก็จะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เพราะทุกปัญหาล้วนมีผลกระทบส่งถึงกันทั้งสิ้น
“สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศไทยต้องมีเสถียรภาพ ความสงบสุข สันติ ปราศจากความขัดแย้ง ผมเองพยายามรักษาตรงนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้สู่จุดมุ่งหมายที่กล่าวไว้สักครู่ เมื่อเราอยากได้อะไร ต้องทำสิ่งที่เราต้องการทำนั้นให้สำเร็จ ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีสติ มีความยั้งคิด ในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเข้าใจเข้าถึงและพัฒนา เสาหลักอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคนคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“หากทำลายสิ่งที่ดีงามของเรามาตั้งแต่อดีต ไม่มีอะไรจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะทุกอย่างสร้างมา เกิดมาด้วยประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ประวัติศาสตร์อะไรไม่ดีก็อย่าทำอีกเท่านั้นเอง อะไรเป็นประวัติศาสตร์ที่ดีก็มีระยะต่อไป อะไรที่ดีงามก็รักษาไว้สืบสานรักษาและต่อยอด ผมคิดอย่างนี้ ฝากพวกเราทุกคนช่วยกันคิดด้วย ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ไม่เช่นนั้นจะทิ้งโอกาสที่มีอยู่ไปทั้งหมด โอกาสทุกอย่างจะกลายเป็นวิกฤต ขอให้สงสารประชาชนเถอะ ประชาชนยังลำบากอยู่ ความยากจน ค่าครองชีพ ปัญหาหนี้สิน หลายเรื่องรัฐบาลพยายามทำทุกอย่าง และที่ผ่านมาอาจจะยาก อาจจะช้า แต่ก็เริ่มลงมือทำมามากแล้ว หลายอย่างประสบความสำเร็จไปแล้ว ถ้าง่ายคงแก้ไปได้นานแล้ว” นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ปัญหาเหล่านี้ทับซ้อน ซับซ้อนลึกลงไปอีกเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความยากจน วันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการทำงานชื่อว่าคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวมแล้ว ซึ่งจะลงไปดูในทุกพื้นที่ว่ามีความยากลำบากอะไรอย่างไร การประกอบอาชีพจะต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ เพราะฉะนั้นการใช้จ่ายงบประมาณปี 2556 ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อจะคุ้มค่าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ต้องต่อเนื่องยืนยาว ไม่ใช่ทำเป็นจ๊อบๆ แล้วจบไป ต้องตอบโจทย์ปัญหาในภาพรวมให้ได้ นี่คือยุทธศาสตร์ชาติ การพัฒนาประเทศของเราต้องกินแบบนี้ ต้องคิดแบบสร้างสรรค์ เพราะไม่มีอะไรที่ทุกคนจะยอมรับได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องสุขภาพ รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานหนักอย่างนี้เหนื่อยมา 2 ปีกว่าแล้ว จนสถานการณ์อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ การดูแลผู้เจ็บป่วยเข้าสู่การรักษาก็ถือว่าทำได้ดีดีมากๆ ในโลก อย่างไรก็ตาม เราประมาทไม่ได้ในทุกเรื่อง ขอให้มีสติ และป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด ช่วยกันป้องกันคนอื่นเขาด้วย เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหนักกว่า 2 ปีกว่า ทำงานไม่ได้บ่นไม่ได้พูด ไม่ได้ว่าใคร แต่หลายคนไม่ได้ทำ แต่พูด ทำให้เราทำงานได้ยากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกล่าวว่า ทุกวันนี้จึงขอให้ทุกคนไปใคร่ครวญให้ดี มีสติ ทบทวนคิดดูว่าประเทศไทยมีอะไรที่ก้าวหน้าไปแล้วบ้าง หลายอย่างอาจจะมองไม่เห็น แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น เพิ่ม GDP ของประเทศไทยได้มากขึ้น เพื่อนำเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศ ทั้งการลงทุน ดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งใช้เงินมากขึ้นตามลำดับมีทุกปีหากแก้ไขปัญหาความยากจนไม่ได้ ก็จะใช้งบประมาณส่วนนี้เกินไปเรื่อยๆ รัฐบาลจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลทุกคน แต่จะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ วันนี้เรามาสร้างมูลค่าเพิ่มของเราด้วยสมุนไพร เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมาก รัฐบาลมีรายได้จากการส่งออกและเก็บภาษีเท่านั้น รัฐบาลพยายามลดปัญหาการขาดดุลในการจัดทำงบประมาณรายปี
“ทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้น เมื่อเริ่มต้นก็ต้องมีปัญหา ต้องฟังไปสั่งไปให้ได้ ต้องมีแผนเผชิญเหตุ ในการทำงาน หรือว่าอะไรก็ตาม แผนรับมือ แผนเผชิญเหตุ แผนฉุกเฉิน เตรียมไว้ทั้งหมด ที่ผ่านมาเราทำได้อย่างไร หากเกิดขึ้นอีกจะยอมรับได้หรือไม่ ทุกคนต้องช่วยกันคิด หากติไปทั้งหมดก็จะทำอะไรไม่ได้เลย ติดไปหมดทุกเรื่อง รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมร่วมมือกันทุกฝ่าย ไม่ได้ปล่อยให้เป็นภาระของใคร ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วและดีขึ้นกว่าเดิมโดยเร็วที่สุด” นายกฯระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมบูธกลุ่มสมุนไพรต่างๆ ช่วงหนึ่งได้มีชายสูงอายุนำเสื้อยืดสีขาวมามอบให้นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อความด้านหลังเสื้อว่า สมุนไพรไทยในครัวเรือน ฆ่าโควิดได้ทุกสายพันธุ์ 5 วันเท่านั้น รัฐไม่เลือกใช้ เวร!
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อ่านถึงกับกล่าวว่า แรงไปนะ รัฐก็ใช้ อะไรเป็นประโยชน์ใช้ได้ก็ใช้ไป จะมาบอกว่ารัฐไม่ได้ใช้ได้อย่างไร ชายสูงอายุคนดังกล่าวระบุว่า มอบเสื้อให้เท่านั้น แต่ไม่ใช่คนทำเสื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะเดินชมนิทรรศการในบูธอื่นๆ ต่อ