รีเซต

“เอกนิติ” ดันปี 2569 ปีแห่งการลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชง "Fast Pass" ปลดล็อกลงทุน 300,000 ล้านบาท

“เอกนิติ” ดันปี 2569 ปีแห่งการลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ชง "Fast Pass" ปลดล็อกลงทุน 300,000 ล้านบาท
TNN ช่อง16
21 พฤศจิกายน 2568 ( 13:36 )

“เอกนิติ” มั่นใจ มาตรการรัฐช่วยเศรษฐกิจไทยพ้นติดหล่ม ผลักดันปี 2569 ปีแห่งการลงทุนที่แท้จริง ชง "Thailand Fast Pass" ครม.เศรษฐกิจสัปดาห์หน้า 


นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Thailand 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ” ระบุว่า  มาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่เข้ามาทำงาน เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส เที่ยวดีคืน การเร่งเบิกจ่ายของรัฐบาล และโครงการตามสวัสดิการต่างๆ ทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 นั้นสามารถเติบโตได้ รอดพ้นจากการภาวะติดหล่ม และจะขยายตัวได้มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการอะไรออกมาเลย เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 0.3% 


ทั้งนี้การฟื้นตัวที่ยั่งยืนจะต้องเน้นที่การลงทุนเพื่ออนาคต จุดสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปในปี 2569 คือ ไทยจะต้องมีการเร่งรัดการลงทุนของภาคเอกชน โดยในปีหน้ารัฐบาลจะผลักดันให้เป็นปีแห่งการลงทุน ทั้งเรื่องการลงทุนคน เรื่องรีสกิล อัปสกิล คนไทยซึ่งเป็นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ครั้งใหญ่ และการผลักดันให้มีการลงทุนโครงการใหญ่ๆ และการลงทุนในเรื่องพลังงานสะอาด นำไปสู่ออโตเมชั่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการอัปเกรดการลงทุน เช่น ดาต้าเซนเตอร์ ที่ต้องการการลงทุนใหม่ และใช้นวัตกรรมทางการเงินทั้งเรื่องของการลงทุนร่วมกันระหว่างภาครัฐ และเอกชน (PPP) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund: TFFIF) เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศไทยไปต่อได้


นายเอกนิติ กล่าวว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารงาน คือ ยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจมีปัญหาจริง รัฐ จึงได้ออกมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และทยอยทำแล้ว ขณะเดียวกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปรับมุมมองใหม่ เพื่อเปลี่ยนแนวคิดวิธีการ แล้วออกแบบมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศไปต่อได้ 



ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันจันทร์หน้า(24 พฤศจิกายน 2568) นายเอกนิติ กล่าวว่า ทางกระทรวงจะเสนอครม.เศรษฐกิจ ให้ปลดล็อคกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้เกิดการลงทุนจริง ประกอบไปด้วย 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ 


1.โครงการ "Thailand Fast Pass" เพื่อปลดล็อกโครงการขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมในการลงทุน โดยมีโครงการที่มีความพร้อมที่จะลงทุนในปี 2569 กว่า 60 โครงการ 3 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการเหล่านี้ยื่นคำขอ และได้รับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว แต่ยังติดขัดเรื่องกฎระเบียบ ซึ่งเมื่ออนุมัติแล้วรัฐบาลจะใช้มติ ครม.เพื่อปลดล็อกการลงทุนโครงการเหล่านี้ให้เร็วขึ้น โดยโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการดาต้าเซนเตอร์ โครงการด้านการลงทุนพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV)หรือการลงทุนแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ที่รอการลงทุนจำนวนมาก ซึ่งต้องมีการปลดล็อกเพื่อให้มีการลงทุนได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นใบอนุญาตสร้างโรงงาน การขอน้ำ และไฟฟ้า ต้องมีการอนุมัติให้เร็ว


2.โครงการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย โดยใช้เงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มาอุดหนุนในการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน การลดต้นทุน การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เป็นการเปลี่ยนไปสู่โลกยุคใหม่


3.โครงการ Reskill / Upskill เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาทักษะให้บุคลากรประมาณ 100,000 คน



สำหรับโครงการการแก้หนี้ของเกษตรกร และการแก้หนี้ของผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี (SMEs) นั้นขณะนี้กำลังหารือในรายละเอียดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยในการแก้ไขหนี้ของเอสเอ็มอีนั้นตอนนี้ได้มีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาตรการเงินที่เหลือจากกองทุนฟื้นฟูระบบสถาบันการเงิน (FIDF) มาช่วยเอสเอ็มอี  รวมทั้งการใช้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)และการปล่อยกู้ให้กับซัพพลายเชน เพื่อเร่งการจ่ายเครดิตเทอม และให้แรงจูงใจในเรื่องของการลดภาษี หรือให้เครดิตการจ่ายคืนภาษีเร็ว โดยทำคู่กับกลไกการจัดทำเรื่องของ Trans formation ของภาคธุรกิจ


โครงการช่วยเหลือเกษตรกร จะมีการดำเนินการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยเน้นที่หนี้ภาคเกษตร โดยปัจจุบันกำลังดูว่าจะแก้ไขในรูปแบบที่ช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในอดีต หลักการสำคัญคือ จะไม่ให้เสียวินัย โดยจะนำหนี้ที่ต่ำกว่าเกณฑ์ในอดีตออกมา ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งการลดต้น และลดดอกเบี้ย


นายเอกนิติย้ำว่า หัวใจสำคัญคือ การช่วยเหลือพวกเขาด้วยการ เสริมทักษะ ให้ด้วย เพื่อไม่ให้กลับมาเป็น NPL อีกครั้ง เช่น การทำเกษตรสมัยใหม่ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้จะทยอยเข้า ครม.เศรษฐกิจ และครม.ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง