ดัชนี Core PCE สหรัฐโตต่ำสุดรอบ 4 ปี ตลาดคาดมีโอกาส 77% ที่ FED จะลดดอกเบี้ย มิ.ย.

#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกเมื่อวันศุกรที่ผ่านมา (S&P500 +1.59%, Dow Jones +1.39% และ Nasdaq +1.63%) แม้จะเผชิญกับความผันผวนจากเหตุความตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคา หุ้นในกลุ่ม Big Tech อาทิ Nvidia (+3.97%) Tesla (+3.91%) และ AAPL (+1.91%)
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 -0.97% WoW, Dow Jones +0.95% และ Nasdaq -3.47% การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีเซเลนสกีเกี่ยวกับแนวทางรับมือรัสเซีย ในสงครามยูเครนล้มเหลว หลังจากการหารือกลายเป็นการโต้เถียงรุนแรงต่อหน้าสื่อ โดยทรัมป์กล่าวว่าเซเลนสกีไม่ต้องการหยุดยิงและ "ยังไม่พร้อม" สำหรับสันติภาพ หากสหรัฐฯ ยังคงมีบทบาท ขณะที่เซเลนสกีออกจากทำเนียบขาวก่อนกำหนด โดยไม่ลงนามในข้อตกลงแร่ธาตุที่หลายฝ่ายคาดหวังและไม่ร่วมแถลงข่าวกับทรัมป์
ด้านรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ของ สหรัฐฯตำหนิเซเลนสกีว่าไม่ให้ความเคารพต่อสหรัฐฯ หลังจากเซเลนสกียืนยันว่าไม่สามารถเชื่อมั่นในตัวรัสเซีย ทำให้บรรยากาศการประชุมยิ่งตึงเครียด ในขณะที่ผู้นำยุโรปหลายคน ออกมาสนับสนุนยูเครนผ่านโซเชียลมีเดีย โดยท่าทีที่แข็งกร้าวของทั้งสองฝ่ายอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามยุติสงครามและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยูเครนในอนาคต
สหรัฐฯ รายงานดัชนี Core PCE เดือน ม.ค.ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ +2.6% YoY (+0.3% MoM) เท่ากับที่ตลาดคาด ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ +2.9% YoY ซึ่งเป็น ระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2021 ซึ่งทำให้ตลาดการเงิน (FedWatch Tool) ให้น้ำหนัก 77% ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในปีนี้อย่างน้อย 25bps ในการประชุมเดือน มิ.ย.
ด้าน Personal Income +0.9% มากกว่าที่ตลาดคาดและเดือนก่อนที่ +0.4% และ Personal Spending -0.2% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและเดือนก่อนที่ 0.2% และ 0.8% ตามลำดับ
ญี่ปุ่นรายงานดัชนี Tokyo CPI เดือน ก.พ. +2.9% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและเดือนก่อนที่ +3.2% และ +3.4% ตามลำดับ โดย Tokyo Core CPI +2.2% ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ สำคัญในเดือน ม.ค. มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน อาทิ Industrial Production เบื้องต้น +2.6% YoY (vs. -1.6% เดือนก่อน) และ Retail Sales +3.9% (vs. +3.5% เดือนก่อน)
อินเดียรายงาน GDP ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2024-2025 (ต.ค.-ธ.ค. 2024) +6.2% YoY (เท่ากับที่ตลาดคาด) เร่งตัวขึ้นจาก +5.6% ในไตรมาสก่อนหน้า แรงหนุนหลักมาจากการใช้จ่าย ภาครัฐ +8.3% และอุปสงค์ในชนบทที่แข็งแกร่งจากฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ รัฐบาลได้ปรับคาดการณ์การเติบโตทั้งปีเป็น +6.5% แต่คาดว่าอัตราการขยายตัวจะต่ำกว่า +7% ในปีงบประมาณถัดไป
ตลาดคริปโตปรับตัวขึ้นรุนแรง หลังทรัมป์โพสต์สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลบน Truth Social โดย กล่าวถึง XRP, Solana (SOL) และ Cardano (ADA) เป็นส่วนหนึ่งของ Crypto Strategic Reserve ในขณะที่เขายังย้ำว่า Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) จะเป็นหัวใจหลักของ กองทุนสำรองนี้
ทั้งนี้ ในวันที่ผ่านมา (อ้างอิงราคาจาก Binance Exchange) Bitcoin +9.5% แตะระดับ $94,000, Ethereum +13.6% สู่ $2,500, XRP +34.1%, Solana +24.4% และ Cardano +72%
.
-Dell (DELL US) -4.7% แม้คาดยอดขาย AI Servers โตเกือบ 50% เป็น $1.50 หมื่นล้าน ในปีบัญชี 2026 จาก $9.80 พันล้าน ปีก่อน แต่กำไรอาจถูกกดดันจากต้นทุน Blackwell GPU ของ Nvidia ที่สูงขึ้น โดยบริษัทคาดว่า Gross Margin อาจลดลง 100bps YoY Dell พยายามลดแรงกดดันด้วยการขยายธุรกิจ Storage และ Edge AI แม้ว่าผลประกอบการ Q4 รายได้รวม $2.39 หมื่นล้าน (+7.23% YoY) ต่ำกว่าคาด (-2.90%) และรายได้ AI Servers $2.1 พันล้าน(+162.50% YoY) ต่ำกว่าคาด (-24.22%) แต่ EPS $2.68 ดีกว่าคาด (+6.14%) Dell ยังคงเน้น AI Servers เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก พร้อมเผชิญการแข่งขันจาก Super Micro, HPE และ Nvidia ที่อาจพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง
-ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มอง Dell ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น AI Infrastructure โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือการเติบโตของ AI Servers และการฟื้นตัวของตลาด PC แม้ว่าความท้าทายจากต้นทุนชิป Nvidia และการแข่งขันจาก Super Micro และ HPE จะเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม แต่ Dell มีจุดแข็งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการองค์กร และเครือข่ายการขายที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งในตลาดได้ ปัจจัยสนับสนุนการเติบโต
- 1) AI Servers เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แม้ยอดขาย AI Servers ในไตรมาสที่ 4 จะต่ำกว่าคาด แต่ Dell รายงานถึงยอดคำสั่งซื้อที่พุ่งขึ้นเป็นประมาณ $9 พันล้าน ซึ่งสะท้อนถึงคำสั่งซื้อใหม่ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจาก xAI ของ Elon Musk ทำให้บริษัทยังคงคาดการณ์ว่ายอดจัดส่งปีงบประมาณ 2026 จะไม่ต่ำกว่า $1.5 หมื่นล้าน แม้ว่า AI Servers จะยังคงมีอัตรากำไรที่ต่ำเนื่องจากลูกค้าหลักเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (CSPs) ที่มีอำนาจต่อรองสูง แต่ Dell กำลังพยายามปรับพอร์ตสินค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำกำไรสูงขึ้น เช่น เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เพื่อช่วยหนุนอัตรากำไร
- 2) การเติบโตของกลุ่ม ISG ได้แรงหนุนจาก Storage และเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิม โดยกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน (ISG) เป็นแหล่งทำกำไรหลักของ Dell โดยในไตรมาสล่าสุดมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 18.1% ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 15.2%ปัจจัยสนับสนุนมาจากธุรกิจ Storage ที่เติบโตดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเอง เช่น PowerStore, PowerFlex และ PowerScale นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิมยังคงเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ซึ่งช่วยลดแรงกดดันจากต้นทุนของ AI Servers แม้ว่าธุรกิจเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิมจะไม่ได้เติบโตเร็วเท่า AI Servers แต่ Dell คาดว่าจะยังสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้ในปีบัญชี 2026
- 3) ตลาดพีซีเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจาก Windows Refresh Cycle และ AI PC แม้ว่ายอดขาย PC โดยรวมยังอ่อนแอ แต่ยอดขาย PC เชิงพาณิชย์ (Commercial PC) กลับเติบโตเกือบ 5% YoY และ Dell คาดว่า Windows Refresh Cycle และ AI PC จะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชี 2026 ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ 1) Windows 10 กำลังจะหมดอายุในช่วงตุลาคมปีนี้ กระตุ้นให้องค์กรและผู้ใช้ทั่วไปอัปเกรดไปยัง Windows 11 2) AI PC กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ ซึ่งดึงดูดองค์กรและผู้ใช้ระดับมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
ความเสี่ยงที่ต้องระวัง 1) ต้นทุนชิป Nvidia และอัตรากำไรที่ถูกกดดัน 2) การแข่งขันจากคู่แข่งที่รุนแรงขึ้น 3) การฟื้นตัวของตลาด PC ที่ช้า
-ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้: สหรัฐฯ ISM Manufacturing เดือน ก.พ. (ตลาดคาด 50.8 จุด vs. เดือนก่อน 50.9 จุด), จีน Caixin PMI Manufacturing เดือน ก.พ. (ตลาดคาด 50.4 จุด vs. เดือนก่อน 50.1 จุด), ยุโรป CPI เบื้องต้น เดือน ก.พ. (ตลาดคาด +0.4% MoM vs. เดือนก่อน -0.3% MoM)