BEMเก็งงบทะยาน64% ปีนี้พุ่งต่อไม่ห่วงสายสีส้ม
#BEM #ทันหุ้น – ถึงคิว BEM แจ้งงบ 23 ก.พ. คาดกำไรทั้งปี 4,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% และยังโตต่อเนื่องในปี 2566 สถิติผู้โดยสาร MRT สูงถึง 3.74 แสนเที่ยวต่อวัน ทางด่วนแตะ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน หนุนโค้งแรกกำไรโตต่อ ด้านนักวิเคราะห์ฟันธงธุรกิจหลักฟื้นตัวแข็งแกร่งจะกลบความล่าช้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แนะ “ซื้อ” เป้า 11.50 บาท
จับตาบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มีกำหนดการแจ้งงบวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ช่วงเย็น โดยนายนฤดม มุจจลินทร์กูล ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งปี 2565 ที่ 16,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% และมีกำไรสุทธิที่ 4,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64%
โดยรายได้งวดไตรมาส 4/2565 ของ BEM จะอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ), และเพิ่มขึ้น 27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หนุนจากการฟื้นตัวของทั้งปริมาณจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มขึ้น 3%QoQ, และเพิ่มขึ้น 14% YoYและปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าที่เพิ่มขั้น 12%QoQ และเพิ่มขึ้น 99%YoY ส่วนกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2565 ของ BEM ที่ 643 ล้านบาท ลดลง 26% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 57%YoY
@ผลงานดีต่อเนื่อง
ประเมินผลประกอบการของ BEM ปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้งวดไตรมาส 1/2566 จะโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2565 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หนุนจากปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเฉลี่ยช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.74 แสนเที่ยววัน ใกล้เคียงประมาณการปริมาณผู้โดยเฉลี่ยทั้งปี 2566 ที่ฝ่ายวิเคราะห์ทำไว้ที่ราว 4 แสนเที่ยววัน และปริมาณการจราจรบนทางด่วนประจำเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยวต่อวัน
“การฟื้นตัวของปริมาณการจราจร และผู้โดยสารเดือนธันวาคม 2565 ฟื้นตัวแตะ 91% เทียบปี 2562 ซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี และมีแนวโน้มฟื้นตัวสูงกว่าช่วงปี 2562 ที่ผ่านมาได้หากปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าสามารถเร่งตัวแตะ 4 แสนเที่ยววัน ได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2566 หนุนจากปริมาณผู้โดยสารเดือนมกราคม ซึ่งปกติจะเป็นเดือนที่น้อยของปีกดดันจากวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ แต่ปี 2566 เปิดมาก็ทะลุ 3.5 แสนเที่ยววันได้แล้ว ขณะที่ปริมาณการจราจรจะฟื้นตัวมากกว่านี้คงได้อีกไม่มากแล้ว”
@เชื่อสายสีส้มเซ็นปีนี้
สำหรับกรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - บางขุนนนท์ ที่ BEM เป็นผู้ชนะนั้น แต่ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถยื่นเข้าบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติ และลงนามสัญญาได้ภายในงวดไตรมาส 1/2566 เบื้องต้นยังคาดว่าโครงการดังกล่าวจะได้รับอนุมัติก่อน ครม.ชุดนี้จะหมดอายุ แต่หากไม่สามารถลงนามสัญญา ก็อาจเลื่อนไปถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2566 (2H/66) เนื่องจากต้องรอรัฐบาลใหม่ซึ่งอาจทำให้ค่าซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น แต่ด้วยปริมาณผู้โดยสารที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งมาก จึงมีความเป็นไปได้ที่ผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าที่ประมาณการไว้ ซึ่งส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้อย่างมีนัยสำคัญกว่าความล่าช้าของโครงการสายสีส้มส่วนต่อขยาย
@ เป้า 11.50 บาท
ฝ่ายวิจัยประมาณการธุรกิจหลักของ BEM ที่ 9.80 บาท ส่วนโครงการสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม – บางขุนนนท์มีส่วนเพิ่มต่อราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน (Up Side) ที่ 1.70 บาท และยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 11.50 บาท พร้อมกันนี้ประเมินมูลค่าความล่าช้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – บางขุนนนท์ที่ราว 0.10 บาท และคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2566 ที่ 17,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%