บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะแจกเงินหมื่นเฟสสอง คนอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินรวม 4 หมื่นล้าน เริ่มตรุษจีนปีหน้า

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะแจกเงินหมื่นเฟสสอง คนอายุ 60 ปีขึ้นไป วงเงินรวม 4หมื่นล้าน เริ่มตรุษจีนนี้ มอบคลังดำเนินการ พร้อมอนุมัติมาตรการปรับโครงสร้างหนี้รายย่อยพักจ่ายดอกเบี้ย 3 ปี ลูกหนี้มีปัญหาไม่เกิน 1 ปี แถมจ่ายไร่ละพันบาทให้กลุ่มเกษตรกร หวังช่วยกระตุ้นบริโภคภายในประเทศ

#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการดำเนินการแจกเงินดิจิทัลเฟสสอง 1 หมื่นบาทแก่กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนและผ่านคุณสมบัติในโครงการดังกล่าว คาดว่า จะมีผู้ที่เข้าข่ายได้รับเงินจำนวนไม่เกิน 4 ล้านราย วงเงินรวม 4หมื่นล้านบาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า การจ่ายเงินดังกล่าวจะเป็นการจ่ายเงินสดเข้าบัญชีเหมือนกับเฟสแรก ซึ่งคาดว่า จะสามารถจ่ายได้ในช่วงตรุษจีนปีหน้า ส่วนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนนั้น รัฐบาลจะเปิดให้มีการลงทะเบียน ซึ่งจะเป็นการจ่ายเงินในเฟสถัดไป ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องดำเนินการตรวจสอบระบบการจ่ายเงินผ่านดิจิทัลให้มีความรอบคอบ โดยอาจจะต้องจัดทำแซนบล็อกทดลอง แต่คาดว่า จะสามารถแล้วเสร็จได้ในไตรมาสสองปีหน้า

นายพิชัยยังกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติในมาตรการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์เอกชนและรัฐ และรวมถึง ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งกำหนดกลุ่มที่มีปัญหาการชำระหนี้ไม่เกิน 1 ปี ในกลุ่มสินเชื่อบ้าน รถยนต์ และ หนี้อุปโภคบริโภค ส่วนวงเงินนั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดวงเงินรวมของหนี้อยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท

“เราจะให้โอกาสไม่ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี ทำให้เขามีเงินเหลือเพื่อการบริโภคได้ ส่วนเงินต้นนั้นก็สามารถผ่อนน้อยได้เป็นเวลา 3 ปี และเรายังต้องไปดูด้วยว่า กลุ่มนี้ เขามีปัญหาหนี้อื่นอีกหรือไม่ ก็จะเอามาปรับโครงสร้างหนี้ก้อนเดียวกัน โดยธปท.ก็จะเข้าไปดูแล ถ้าคนที่ชำระได้ดีใน 3 ปี เราจะยกดอกเบี้ยให้ โดยคลังกับแบงก์จะรับภาระให้ แต่ถ้ายังชำระไม่ดี ก็ต้องรับภาระดอกเบี้ยต่อไป”

ทั้งนี้ รายละเอียดของการปรับโครงสร้างหนี้นั้น จะมีความชัดเจนตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการไร่ละพันบาทด้วย ซึ่งโครงการนี้ เราได้เคยดำเนินการมาแล้ว แต่เนื่องจาก กลุ่มเกษตรกรยังเป็นกลุ่มที่เปราะบาง เราจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดยเม็ดเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะมาจากงบประมาณ ส่วนรายละเอียดว่า จะให้จำนวนกี่ไร่นั้น ยังต้องหารือ คาดว่า จะสรุปได้ไม่นาน