รีเซต

เทคโนโลยีอะเฟรีซิส การรักษาโรคไตเฉพาะจุดที่มากกว่าการฟอกเลือด

เทคโนโลยีอะเฟรีซิส  การรักษาโรคไตเฉพาะจุดที่มากกว่าการฟอกเลือด
TNN ช่อง16
5 กันยายน 2568 ( 11:43 )
21

ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเข้ารับการฟอกไตอย่างต่อเนื่อง อาจมีบางกรณีที่ภาวะของโรคมีความซับซ้อนมากกว่าแค่เรื่องการทำงานของไตเพียงอย่างเดียว เช่น เกิดภาวะภูมิคุ้มกันทำร้ายเนื้อเยื่อไต มีภาวะไขมันในเลือดสูงผิดปกติ หรือการได้รับสารพิษบางชนิดที่ไม่สามารถขจัดได้ด้วยการฟอกไตทั่วไป ในปัจจุบันจึงมีการรักษาที่เรียกว่า “อะเฟรีซิส (Apheresis)” ที่จะช่วยคัดแยกสิ่งไม่พึงประสงค์ในเลือดให้ออกจากร่างกายได้แบบเฉพาะเจาะจง

 นายแพทย์ณฐพุฒิ บุญวิสุทธิ์ อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า อะเฟรีซิส (Apheresis) มาจากภาษากรีก แปลว่า "การนำออกไป" เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยคัดแยกส่วนประกอบที่ผิดปกติในเลือดได้แบบเฉพาะเจาะจง เช่น สารพิษ ภูมิคุ้มกันที่ทำร้ายร่างกาย หรือเซลล์เม็ดเลือดที่มากเกินไป แล้วนำส่วนที่ปกติกลับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งต่างจากการฟอกเลือดทั่วไป (Dialysis) ที่มุ่งเน้นการกรองของเสียขนาดเล็กออกจากเลือดเพียงอย่างเดียว

อะเฟรีซิสสามารถปรับใช้ได้ตามลักษณะของโรคหรือสารที่ต้องการนำออกจากร่างกาย เช่น

  • พลาสมาอะเฟรีซิส (Plasma-apheresis) เป็นการแยกพลาสมา (น้ำเลือด) ออกจากเลือดเพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติหรือสารพิษบางชนิด
  • เม็ดเลือดแดงอะเฟรีซิส (Erythrocyta-apheresis) เป็นการแยกเม็ดเลือดแดงออกจากเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดเคียว (sickle cell anemia)
  • สารพิษบางชนิด เช่น แอมนิติน (amnitins) ซึ่งเป็นสารพิษจากเห็ดบางชนิด

ตามที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นว่าการรักษาอะเฟรีซิสจะช่วยนำสารบางอย่างที่เป็นผลเสียออกจากร่างกาย ดังนั้น วิธีการนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้แก่

โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune diseases) เช่น โรคเอสแอลอี (SLE), โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (Myasthenia Gravis), กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barré Syndrome) ที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานผิดปกติมาทำลายเนื้อเยื่อของตนเอง

โรคเลือดบางชนิด เช่น ภาวะเลือดข้นเกินไป (hyperviscosity syndrome), โรคเม็ดเลือดแดงแตกจากภูมิคุ้มกัน (autoimmune hemolytic anemia)

การกำจัดสารพิษ ในกรณีที่ร่างกายได้รับสารพิษบางชนิดทที่ไม่สามารถกรองออกได้ด้วยการฟอกไต

การเตรียมตัวก่อนการปลูกถ่ายอวัยวะ เพื่อลดระดับภูมิคุ้มกันที่อาจทำให้เกิดการปฏิเสธอวัยวะ

ก่อนเริ่มกระบวนการรักษา ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินสุขภาพอย่างละเอียด โดยแพทย์จะพิจารณาชนิดของสารที่ต้องการนำออกและปริมาณเลือดที่ต้องผ่านกระบวนการ จากนั้นจะมีการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและอาจมีการให้ยาบางชนิดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ในระหว่างการทำอะเฟรีซิส เลือดของผู้ป่วยจะถูกดึงออกมาจากเส้นเลือดผ่านเครื่องอะเฟรีซิส เครื่องจะทำการแยกส่วนประกอบของเลือดตามที่กำหนดไว้ เช่น พลาสมาหรือเม็ดเลือดแดง ส่วนประกอบเหล่านี้คือส่วนที่ไม่ต้องการก็จะถูกกำจัด ส่วนอื่นจะถูกคืนกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยผ่านเส้นเลือดอีกเส้นหนึ่ง ซึ่งกระบวนการนี้มักจะใช้เส้นเลือดดำขนาดใหญ่ที่แขน หรืออาจต้องใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลาง (central venous catheter) ในกรณีที่จำเป็น

โดยทั่วไป การทำอะเฟรีซิสจะใช้เวลาประมาณ 1-3 ชั่วโมงต่อครั้ง แต่ระยะเวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสารที่จะนำออก รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิด

แม้อะเฟรีซิสจะเป็นกระบวนการที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ภาวะความดันโลหิตต่ำเนื่องจากมีการหมุนเวียนของเลือดภายนอกร่างกายขณะทำการรักษา, ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำเนื่องจากมีการใช้สารกันเลือดแข็งซึ่งอาจจับกับแคลเซียม, อาการแพ้ต่อสารกันเลือดแข็งหรือสารอื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการรักษา, การติดเชื้อบริเวณตำแหน่งที่เจาะเข็มหรือใส่สายสวน, ภาวะเลือดออกผิดปกติ หากมีการให้สารกันเลือดแข็งในปริมาณมากเกินไป, ความผิดปกติของเกลือแร่ เช่น โซเดียมสูง โพแทสเซียมต่ำ, และภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อยมาก

โอกาสสำเร็จของการรักษาด้วยอะเฟรีซิสขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ชนิดของโรค ความรุนแรงของอาการ และการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย ในหลายกรณีอะเฟรีซิสสามารถช่วยควบคุมอาการของโรค ลดความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม อะเฟรีซิสมักเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาที่ครอบคลุม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาหรือการรักษาอื่น ๆ ควบคู่กันไป

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง