ฉ้อโกง vs ฉ้อโกงประชาชน ต่างกันอย่างไร โทษหนักแค่ไหน

ฉ้อโกงสองแบบในประมวลกฎหมายอาญา ทำไมต้องแยกให้ชัด
กระแสข่าวคดีหลอกลงทุน แชร์ลูกโซ่ และการโพสต์ขายของปลอมบนโซเชียล ทำให้คำว่า “ฉ้อโกง” และ “ฉ้อโกงประชาชน” ถูกพูดถึงบ่อยขึ้น แต่ในทางกฎหมาย ทั้งสองความผิดมีฐานะต่างกันอย่างสำคัญ ทั้งด้านองค์ประกอบความผิด อัตราโทษ และสิทธิการยอมความ ผู้เสียหายจึงควรรู้ให้ชัดว่าคดีที่ตัวเองเจอเข้าข่ายแบบไหน เพื่อจะได้วางแผนดำเนินคดีได้ถูกต้อง
ฉ้อโกงธรรมดา มาตรา 341 คืออะไร
ความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา 341 คือการ “หลอกแล้วได้ทรัพย์” โดยมีสาระสำคัญคือ
มีการ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรบอก
กระทำ โดยทุจริต เพื่อให้ผู้ถูกหลอกหลงเชื่อ
ผลคือ ทำให้ผู้ถูกหลอก ยอมมอบทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่น หรือทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ให้ผู้กระทำหรือบุคคลที่สาม(drthawip.com)
โทษตามมาตรา 341
จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(Legardy)
ตัวอย่างสถานการณ์ที่มักเข้าข่ายฉ้อโกงธรรมดา เช่น
เพื่อนสนิทหลอกขอยืมเงิน โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีเจตนาจะคืน
หลอกขายของให้ “คนเฉพาะราย” แบบตัวต่อตัว ไม่ได้ประกาศหรือเปิดรับคนทั่วไป
ในภาพรวม ฉ้อโกงธรรมดาจึงเป็นคดีที่กระทบผู้เสียหายรายบุคคลโดยตรงและไม่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของสาธารณะในวงกว้าง
ฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 เมื่อหลอก “ทั้งสังคม” ไม่ใช่แค่คนเดียว
มาตรา 343 เป็นการยกระดับความผิดฉ้อโกงที่มีเป้าหมายไปที่ “สาธารณะ” ไม่ใช่เฉพาะบุคคล โดยบัญญัติว่า หากการกระทำตามมาตรา 341
กระทำด้วยการ แสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือ
ปกปิดความจริงที่ควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(drthawip.com)
จุดเน้นอยู่ที่ “เจตนาหลอกประชาชนทั่วไป” ไม่ได้วัดจากตัวเลขผู้เสียหาย ว่ามี 1 คน 10 คน หรือ 1,000 คน หากลักษณะการสื่อสารเป็นแบบเปิดให้คนทั่วไปเข้าร่วม เช่น
โพสต์รับโอนเงินลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย โดยให้ผลตอบแทนสูงผิดปกติ
เปิดโครงการแชร์ลูกโซ่ รับคนทั่วไปร่วมลงทุน
ประกาศรับฝากเงิน ออมเงิน ลงทุนออนไลน์ โดยไม่มีธุรกิจจริงรองรับ
แม้สุดท้ายจะมีผู้โอนเงินมาเพียงรายเดียว แต่หากเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม ก็มีโอกาสเข้าข่าย “ฉ้อโกงประชาชน” ได้
หากการหลอกลวงมีลักษณะรุนแรงขึ้น เช่น แสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรืออาศัยความเบาปัญญา เด็ก หรือผู้มีจิตอ่อนแอ โทษจะขยับเป็น จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี และปรับ 10,000 – 140,000 บาท ตามมาตรา 342 ประกอบมาตรา 343 วรรคสอง(drthawip.com)
เทียบสถานะคดี ฉ้อโกงธรรมดา vs ฉ้อโกงประชาชน
1 ฉ้อโกงธรรมดา ความผิดต่อส่วนตัว ยอมความได้
ฉ้อโกงมาตรา 341 จัดเป็น “ความผิดอันยอมความได้” ตามมาตรา 348 ผู้เสียหายต้องดำเนินการดังนี้
ต้อง ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นสิทธิร้องทุกข์จะขาดอายุความ(drthawip.com)
หากคู่กรณี ตกลงชดใช้หรือไกล่เกลี่ยกันได้ สามารถยอมความหรือถอนฟ้อง ทำให้คดีระงับลงได้
โดยทั่วไป อัยการจะฟ้องได้ก็ต่อเมื่อมีการร้องทุกข์จากผู้เสียหายก่อน
กล่าวง่าย ๆ คือ ฉ้อโกงธรรมดาคือความผิดที่ให้ “สิทธิผู้เสียหาย” เป็นศูนย์กลาง ผู้เสียหายจะเดินหน้าเอาเรื่องหรือไม่ก็มีผลต่อการเดินคดีอย่างมาก
2 ฉ้อโกงประชาชน คดีอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้
ในทางกลับกัน ฉ้อโกงประชาชนมาตรา 343 ถูกจัดเป็น “คดีอาญาแผ่นดิน” เพราะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความเชื่อมั่นของสาธารณะ รัฐจึงต้องเข้ามาจัดการเองอย่างจริงจัง
ลักษณะสำคัญคือ
ยอมความไม่ได้ แม้ผู้เสียหายจะยอม หรือยกโทษให้ ผู้กระทำผิดก็ยังอาจถูกดำเนินคดีต่อไป
อัยการสามารถฟ้องได้แม้ไม่มีคำร้องทุกข์จากผู้เสียหาย หากเห็นว่าข้อเท็จจริงเข้าข่ายและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ(Sorasak Law)
ไม่มีเงื่อนไขให้ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน แต่ยังอยู่ภายใต้อายุความฟ้องคดีทางอาญา ซึ่งโดยโทษระดับนี้มักใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 95 ของประมวลกฎหมายอาญา(drthawip.com)
แม้การชดใช้ค่าเสียหายหรือคืนทรัพย์ให้ผู้เสียหายอาจช่วยให้ศาลเห็นถึงการสำนึกผิดและลดโทษได้ แต่จะ ไม่ทำให้คดีสิ้นสุดลงเอง ต่างจากฉ้อโกงธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างให้เห็นภาพ ต่างกันตรงไหนกันแน่
กรณีที่ใกล้เคียงฉ้อโกงธรรมดา
หลอกเพื่อนสนิทว่าเดือดร้อนเงิน ขอให้ช่วยโอนมาให้ชั่วคราว ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะไม่คืน
ติดต่อขายโทรศัพท์มือสองให้คนรู้จักเพียงคนเดียว อ้างสเปกเกินจริงโดยไม่มีการประกาศขายให้สาธารณะ
ทั้งสองกรณีเป็นการหลอกลวง “คนเฉพาะราย” ไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วม จึงมักเป็นฉ้อโกงธรรมดา
กรณีที่มีลักษณะฉ้อโกงประชาชน
เปิดเพจเฟซบุ๊กหรือช่อง TikTok รับสมัครสมาชิกลงทุน โดยระบุผลตอบแทนสูงผิดปกติ เปิดให้คนทั่วไปโอนเงินได้
โพสต์ขายสินค้าราคาถูกมากแบบ “พรีออร์เดอร์” จ่ายก่อนส่งทีหลัง โดยไม่ได้ตั้งใจส่งของจริง
โฆษณารับฝากเงินหรือออมเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยใช้ข้อความชวนเชื่อทั่วไปให้คนจำนวนมากสนใจ
จุดร่วมคือ มีการ “แสดงข้อความต่อสาธารณะ” เปิดให้ใครก็ได้เข้ามาเป็นเหยื่อ แม้สุดท้ายจะมีผู้โอนเงินจริงเพียงรายเดียวก็ยังเข้าข่ายได้
ผู้เสียหายควรทำอย่างไร เมื่อสงสัยว่าโดนฉ้อโกง
รวบรวมหลักฐานให้ครบ
สลิปโอนเงิน แชต ภาพหน้าจอโพสต์โฆษณา คลิปวิดีโอ ข้อตกลงการลงทุน ล้วนเป็นหัวใจสำคัญในการพิสูจน์คดีประเมินลักษณะคดีเบื้องต้น
หากเป็นการคุยกันเฉพาะตัวต่อตัว ไม่ได้เปิดรับคนทั่วไป อาจเอนเอียงไปทางฉ้อโกงธรรมดา
หากมีการโพสต์เปิดให้ “ใครก็ได้” เข้ามาโอนเงิน มีแนวโน้มเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
รีบแจ้งความโดยเร็วที่สุด
ในกรณีฉ้อโกงธรรมดา ผู้เสียหายควรแจ้งความให้ทันกรอบ 3 เดือนนับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิด เพื่อลดปัญหาเรื่องอายุความภายหลัง
แม้กรณีฉ้อโกงประชาชนจะไม่มีกรอบ 3 เดือนแบบเดียวกัน แต่การแจ้งความเร็วจะช่วยให้ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้ง่ายขึ้น
ปรึกษาทนายความหรือหน่วยงานยุติธรรม
หากมูลค่าความเสียหายสูง หรือมีผู้เสียหายจำนวนมาก การมีที่ปรึกษาทางกฎหมายจะช่วยให้วางกลยุทธ์ทั้งคดีอาญาและการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายได้รอบด้านยิ่งขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
