CPF จับตากำไร Q3/63 โดดเด่นจากราคาปศุสัตว์ปรับตัวขึ้น

ทันหุ้น -สู้โควิด –บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ว่า คาดกำไรสุทธิงวด 3Q20 เท่ากับ 6.9 พันล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 15% QoQ และ 16% YoY หากไม่รวมรายการกำไรจากสินทรัพย์ชีวภาพประมาณ 950 ล้านบาท CPF จะมีกำไรปกติที่ 6.0 พันล้านบาท (+108% YoY, +41%QoQ)จากธุรกิจสุกรและไก่ในไทยฟื้นตัวขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจสุกรในเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบกากถั่วเหลืองที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ CPF มากเพราะ CPF ได้ทำสัญญาซื้อกากถั่วเหลืองล่วงหน้าไว้ไปถึงต้นปี 2021 แล้ว ส่งผลให้ gross margin ใน 3Q20E ปรับขึ้นมาที่ 18.5% จาก 13.5% ใน 3Q19 และ 18.1% ในไตรมาสก่อน ผลประกอบการ 3Q20E มีแนวโน้มดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากภาคร้านอาหาร โรงแรมและการจัดเลี้ยง (Horeca) กลับมาเปิดให้บริการหลังจาก COVID-19 ผ่อนคลายลง ขณะที่เราคาดว่า ราคาหมูเวียดนามยังอยู่ในระดับสูงในระดับ 78,000 VND/kg. +103% YoY, +8%QoQ อุปทานยังคงอยู่ในระดับต่ำและอุปทานใหม่ยังไม่สามารถกลับเข้ามาได้ง่ายจากการที่ต้องมีการลงทุนและพัฒนาด้านชีว อนามัยและคาดว่าอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีที่จะกลับมาในระดับก่อนที่จะประสบปัญหา African swine ส่งผลดีต่อ CPF ซึ่งมีรายได้จากเวียดนามประมาณ 16-20% ของยอดขาย

ปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2020E เพิ่มขึ้น 21% อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท +27% YoY (และปรับเพิ่มกำไรปกติ 24% ที่ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +62% YoY) ใน 2Q20 บริษัทได้รับผลกระทบมากจากการปิดตัวของภาคโรงแรมห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร หลังจากนั้นกลับมาดีขึ้นในไตรมาสสาม โดยได้ประโยชน์จากคู่แข่งขันในต่างประเทศประสบปัญหาจากการติด COVID-19 ขณะที่ราคาหมูและไก่ในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาเพราะการผ่อนคลายการ lock down จากความต้องการจากภาคร้านอาหารและโรงแรมที่ฟื้นตัวขึ้น 

ปรับราคาหมูในประเทศขึ้นมาที่ 79 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 18% QTD (สูงกว่าที่เรามองทั้งปีเดิมที่มอง 69 บาทต่อกก.) ปรับราคาไก่ขึ้นมาอยู่ที่ 35 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น +6% QTD (สูงกว่าที่เรามองเดิมทั้งปีที่ 34 บาทต่อกก.) และปรับอัตรากำไรจาก 16% เป็น 17% ขณะที่ในปี 2021E คาดได้ประโยชน์จากการลงทุนในประเทศจีน จากการขยายธุรกิจหมูรองรับวัตถุดิบอาหารสัตว์ในจีนรวมถึงราคาปศุสัตว์ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เราจึงปรับอัตรากำไรขึ้นจากเดิมที่ 15% มาอยู่ที่ 17%

ราคาเป้าหมายที่ 38.50 บาท อิง SOTP (มูลค่า CPF standalone ที่ 17 บาทบน PER 7x และมูลค่าจากถือหุ้นใน CPALL (หลัง discount 20% โดยให้ราคาเป้าหมาย CPALL ที่ 80 บาท) อีก 21 บาท) โดยมี key catalyst จากราคาหมูเวียดนามที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงราคาหมู ไก่ในประเทศที่เริ่มปรับตัวขึ้นจากการคลาย Lock down ขณะที่ความเสี่ยงคือ การเกิด Second wave ในภาคโรงแรม ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร