รีเซต

หาก “น้ำมัน” สูญสิ้น โลกจะอยู่อย่างไรต่อไป

หาก “น้ำมัน” สูญสิ้น โลกจะอยู่อย่างไรต่อไป
TNN ช่อง16
5 มิถุนายน 2567 ( 18:00 )
91
1
หาก “น้ำมัน” สูญสิ้น โลกจะอยู่อย่างไรต่อไป

ท่ามกลางการเติบโตของพลังงานสะอาดอย่างก้าวกระโดด และปริมาณน้ำมันสำรองที่ร่อยหรอลงเรื่อย ๆ ตลอดจนนโยบายที่ทั่วโลกพยายามลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมามหาศาล


ความพยายามรักษ์โลกนี้ อาจทำให้หนึ่งในทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงของโลก จนถูกเรียกว่า “ทองคำดำ” จางหายไป แล้วชีวิตในโลกที่น้ำมันไม่มี หรือไร้คุณค่า จะเป็นอย่างไร เราไปดูกัน


---จุดกำเนิดน้ำมัน---


ก่อนจะดูจุดสิ้นสุด คงต้องย้อนไปดูจุดเริ่มต้นของน้ำมันกันก่อน


เป็นเวลาหลายร้อยล้านปี ที่ซากดึกดำบรรพ์ซ้อนทับถมกลายเป็นน้ำมันอยู่ใต้เท้าของเรา และมนุษย์ก็สูบน้ำมันดิบขึ้นมา เพื่อใช้เป็นพลังงานในชีวิตประจำวันมาเป็นเวลากว่า 165 ปีแล้ว 


น้ำมันมีความสำคัญต่อชีวิตของมนุษย์อย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ผู้คนในอดีตกาลใช้ยางมะตอยเพื่อยึดติดเครื่องมือของพวกเขา, ชาวบาบิโลนใช้น้ำมันสร้างสวนลอยฟ้า ชาวอียิปต์ใช้น้ำมันเพื่อดองศพ ขณะที่ ชาวจีนโบราณใช้น้ำมันและก๊าซ เพื่อให้ความอบอุ่น 


ในสมัยก่อน ช่วงศตวรรษที่ 17-20 มนุษย์จะทำการล่าวาฬ เพื่อลอกชั้นไขมันของพวกมัน มาทำเป็นน้ำมัน เพื่อจุดตะเกียง และใช้เป็นพลังงานในส่วนอื่น ๆ และเมื่อความต้องการน้ำมันจากไขมันวาฬเพิ่มสูงขึ้น การล่าวาฬก็เพิ่มมากขึ้น จนทำให้วาฬเสี่ยงสูญพันธุ์  


เมื่อวาฬลดน้อยลง แต่ความต้องการไขมันของมันยังเพิ่มสูง ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านใช้น้ำมันจากไขวาฬ สู่การใช้น้ำมันปิโตรเลียมจึงถือกำเนิดขึ้น เมื่อ ‘เอ็ดวิน แอล เดรก’ ค้นพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ในรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อปี 1859 และนั่นเป็นตอนที่อุตสาหกรรมน้ำมันแห่งแรกของสหรัฐฯ ถือกำเนิดขึ้น และความต้องการไขมันจากวาฬก็ลดฮวบไป


---ถ้าพรุ่งนี้น้ำมันหายไป---


ผลสำรวจโดย Rystad Energy เผยว่า ปี 2023 ทั่วโลกมีน้ำมันสำรองประมาณ 1.6 ล้านล้านบาร์เรล แต่ก็ยังมีน้ำมันที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ทะเลหรือใต้ผืนดิน ที่มนุษย์ยังขุดไม่พบ


แม้กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า โลกหลังยุคน้ำมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว แม้ว่าน้ำมันดิบจะอยู่คู่โลกมา 165 ปี และแทรกซึมในทุกมิติของสังคม 


ถ้าพรุ่งนี้น้ำมันเกิดหายไป การค้าทั่วโลกจะพังทลาย เนื่องจากการขนส่งทางเรือ และอุตสาหกรรมการบินจะหยุดชะงักในทันที ความมั่นคงทางอาหารจะสั่นคลอน หากไม่มีปิโตรเลียม เพื่อใช้ในการเกษตรขนาดใหญ่ หรือ บรรจุภัณฑ์เพื่อรักษาความสดของอาหาร


การแพทย์เช่นกัน จะถอยหลังสู่ยุคอดีต เพราะปราศจากอุปกรณ์ปลอดเชื้อที่จำเป็นในโรงพยาบาล โครงการพลังงานทดแทน ที่หลายคนอยากให้มาแทนที่น้ำมัน ก็จะถูกแช่แข็งด้วย เพราะผลิตภัณฑ์น้ำมันแปรรูปก็เป็นส่วนสำคัญในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ หรือกังหันลมด้วย


---น้ำมันจะยังคงมีอยู่ แม้พลังงานสะอาดมาทดแทน---


แม้รัฐบาลทั่วโลกพยายามหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และความตระหนักรู้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้โลกต้องหันมาจริงจังต่อเรื่องนี้


แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า น้ำมันจะหายไปจากโลกใบนี้ เนื่องจากบางอุตสาหกรรม ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานนี้อยู่ เช่น อุตสาหกรรมการบิน และอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือ ที่แม้จะมีการพยายามหาทางออกแบบให้ใช้พลังงานอื่นทดแทน แต่ยังอยู่แค่ในช่วงต้นเท่านั้น  


ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า อุตสาหกรรมน้ำมันจะไม่มีทางล่มสลาย เพราะว่า น้ำมันหมดไปบนโลก เนื่องจากยังมีแหล่งน้ำมันอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่ยังขุดค้นไม่พบ แต่พลังงานสะอาดจะกลายเป็นพลังงานทางเลือกที่มีราคาถูก เพราะว่าไม่ต้องลงทุนไปกับการขุดเจาะ 


แต่ถึงกระนั้น การผลิตน้ำมันจะยังคงดำเนินต่อไป ในสหรัฐอเมริกา การผลิตจะดำเนินต่อไปในระดับสูงจนถึงปี 2050 แต่คาดว่า ผู้คนจะลดการใช้น้ำมันเพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น ภายในปี 2050 


อย่างไรก็ตาม หากโลกเดินหน้าสู่เป้าหมายลดคาร์บอนไดออกไซด์อย่างจริงจัง และสามารถพัฒนาให้โลกหันมาใช้พลังงานสะอาดได้เกือบ 100% อนาคตน้ำมัน สินทัพย์ราคาแพง อาจจะกลายเป็นของถูกได้แบบที่เราคาดไม่ถึง 


แปล-เรียบเรียงพรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

ข้อมูลอ้าง

https://www.livescience.com/planet-earth/how-much-oil-is-left-and-will-we-ever-run-out

https://www.livescience.com/planet-earth/climate-change/the-165-year-reign-of-oil-is-coming-to-an-end-but-will-we-ever-be-able-to-live-without-it

https://interestingengineering.com/science/what-would-happen-if-the-world-ran-out-of-crude-oil

ข่าวที่เกี่ยวข้อง