ฮุนมาเนตหารือรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีใต้ แก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่งทีมเฉพาะกิจไปยังกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือพลเมืองของตนที่ถูกล่อลวงให้ไปทำงานในศูนย์หลอกลวง และเพื่อช่วยผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยไม่สมัครใจให้ได้รับการปล่อยตัว โดยวี ซอง-รัค ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า ทีมดังกล่าว ซึ่งนำโดยคิม จีนา รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงพนมเปญ เมืองหลวงกัมพูชา เมื่อค่ำวันพุธที่ผ่านมา เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการเข้าไปเกี่ยวข้องของชาวเกาหลีใต้กับอุตสาหกรรมหลอกลวงอัน "ซับซ้อน" นี้ 

โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีกล่าวแยกต่างหากว่า หน่วยข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ก็มีส่วนร่วมในการดำเนินการครั้งนี้ด้วย 

นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา ได้พบหารือกับคิม จีนา รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของเกาหลีใต้ ที่กรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการหลอกลวงด้านการจ้างงานในกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง

กระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ยังได้ออกคำสั่งห้ามเดินทางไปยังบางพื้นที่ของกัมพูชา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมือง ปอยเปต และกำปอต พร้อมคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง เช่น สีหนุวิลล์ และระบุด้วยว่า มีจำนวนผู้ถูกกักขังและกรณีการจ้างงานหลอกลวงเพิ่มมากขึ้น คำสั่งห้ามประเภท "รหัสดำ (code-black)" นี้ถือเป็นคำสั่งห้ามเดินทางที่รุนแรงที่สุด และรวมถึงคำสั่งให้ประชาชนเดินทางออกจากพื้นที่ทันที

การดำเนินการของรัฐบาลเกาหลีใต้ในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากมีกรณีนักศึกษาชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งเสียชีวิต โดยเขาถูกล่อลวงให้ไปทำงานในศูนย์หลอกลวงที่กัมพูชาด้วยคำสัญญาว่าจะได้ค่าจ้างสูง แต่เขากลับถูกทรมานโดยแก๊งอาชญากรจนเสียชีวิต

เชื่อกันว่ามีชาวเกาหลีใต้มากกว่า 1,000 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติราว 200,000 คน ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการนิ่งเฉย และระบุว่ารายงานจากองค์กรสิทธิมนุษยชนที่กล่าวหานั้น “เกินจริง”

สหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประเมินว่า ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ ซึ่งเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 สามารถสร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีให้กับเครือข่ายอาชญากรรม โดยมักจะมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลกผ่านการหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์