สีส้มโล่งศาลยกฟ้อง BEMเซ็นสัญญาปีนี้
#รฟม. #BEM #ทันหุ้น – ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง ดันสายสีส้มเดินหน้าฉลุย ด้าน รฟม. เผยกำลังเจรจากับ BEM คาดสรุปผลกลางเดือนตุลาคมนี้ เตรียมบรรจุ ครม. มั่นใจลงนามสัญญาได้ภายในปี 2565 ด้าน BEMย้ำฐานะการเงินแกร่งพร้อมลงทุน 3 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ชู BEM ขาขึ้นผู้โดยสารกลับ ได้สายสีส้มที่สำคัญสุดอันดับ 3 หนุนอัพไซด์อีก 1.40 -1.60 บาท
วานนี้ (27 ก.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตได้ยกฟ้อง กรณีบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากัด หรือ BTSC ยื่นฟ้องผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) กรณีมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ TOR โดยมิชอบในการประมูลรอบแรก นําไปสู่การล้มประมูล เนื่องจากคําฟ้องของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ อาทิ ประเด็นการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ TOR ที่มิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในเอกสารประกาศการประกวดราคา (Request For Proposal) “RFP” ที่มีการระบุถึงข้อสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขรายละเอียดในเอกสาร และทาง BTSC ได้เข้าซื้อซอง RFP โดยมิได้มีข้อโต้แย้งใดๆ อาจแสดงให้เห็นว่าทาง BTSC ได้รับทราบดีถึงข้อสงวนสิทธิ์ดังกล่าวแล้ว
ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมงลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยกรอบการเจรจาเบื้องต้นเน้นย้ำรอบการดำเนินงานการออกแบบ, จัดหาขบวนรถ , ผลิต ติดตั้ง ทดสอบระบบรถไฟฟ้า และทดลองเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้สามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2568 เนื่องจากปัจจุบันงานโยธามีความก้าวหน้าประมาณ 95.94% ซึ่งทางผู้ผ่านการประเมินก็ยืนยันว่า มีความพร้อมที่จะเข้าดำเนินงานติดตั้ง – จัดหาขบวนรถโครงการดังกล่าวด้วยวงเงินลงทุนของภาคเอกชน มูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าการเจรจาต่อรองจะมีความชัดเจนช่วงกลางเดือนตุลาคม 2565 จากนั้นจะนำบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอน และคาดว่าจะลงนามสัญญากับผู้ได้รับคัดเลือก ได้ภายในปี 2565 เพื่อทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ภาคเอกชนเข้าดำเนินงานได้ในช่วงปี 2566
@ BEM ยืนยันไม่เพิ่มทุน
ด้าน ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดกว่า 2 พันล้านบาท และมีภาระหนี้สินต่อทุน D/E Ratio เพียงประมาณ 1.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่ากรอบสูงสุดที่ 2 เท่า จึงมีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยไม่ต้องเพิ่มทุน
“แม้ว่าช่วงแรกบริษัทต้องสำรองจ่ายเงินลงทุนงานโยธา แต่ทาง รฟม.ก็จะทยอยชำระคืนให้กับบริษัท ส่วนที่บริษัทต้องลงทุนเองคืองานจัดหาขบวนรถและวางระบบวงเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยลงทุนตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการประมาณ 3 ปีจึงมีระยะเวลาที่จะบริหารจัดการเงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
@ จ่อปรับประมาณการ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึงกรณีที่ศาลยกฟ้องว่า จะทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ BEM ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มยังคงเดินหน้าต่อไป ประกอบกับในแง่ของผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2565 ของ BEM มีการการฟื้นตัวที่ชัดเจน และ ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ฝ่ายวิจัยมองเป็นปัจจัยบวกต่อผู้โดยสารโดยตรง แนะนําซื้อมูลค่าเหมาะสม 12.00 บาท
ด้านนายนฤดม มุจจลินทร์กูล ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีส้มอาจเป็นสายที่สำคัญที่สุดอันดับ 3 ของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากจะเดินทางจากตะวันตกไปตะวันออกและผ่านเขตกรุงเทพฯ ชั้นในที่มีประชากรหนาแน่น จึงจะเป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานให้กับ BEM ในอนาคตโดยจะเพิ่มมูลค่าให้ BEM อีก 1.40 -1.60 บาทต่อหุ้น จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 9.90 บาท แนะนำ “ทยอยสะสม” เมื่อราคาอ่อนตัว