TIDLOR" โบรกฯ เคาะพื้นฐาน 29 บ. ชี้ราคาลงมากเกินไป สวนกำไรฟื้น!
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า ส่องหุ้น TIDLOR คาดว่า Q1/67 จะมีกำไรสุทธิ 1,029 ลบ. โต 5.8% YoY และ 16.5% QoQ หนุนจาก 1) การตั้งสำรองที่คาดจะลดลง 20.5% QoQ หลังเร่งตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึง Write-Off ไปมากแล้วใน Q4/66 ทำให้คาด Credit Cost ของบริษัทจะลดลงเหลือ 3.2% จาก 4.2% ใน Q4/66 ขณะที่ NPL คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ไม่น่ากังวลและต่ำกว่าคู่แข่ง 2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาดลดลง 2.2% QoQ จากค่าใช้จ่าย Incentive พนักงานที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทำให้คาด Cost to Income Ratio จะลดลงเล็กน้อยเหลือ 55% จาก 55.3% ใน Q4/66 และ 3) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดโต 2.8% QoQ แม้คาด NIM จะชะลอลงเหลือ 15.4% จาก 15.6% ใน Q4/66 จากทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และอัตราผลตอบแทนที่ต่ำลงตามจำนวนวันที่ใช้คำนวณดอกเบี้ยรับที่น้อยลง
คงประมาณการเดิม คาดแนวโน้ม Q2/67 โตต่อ หากเป็นไปตามคาด TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ Q1/67 คิดเป็น 22.8% ของประมาณการทั้งปี เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิม โดยคาดแนวโน้มผลดำเนินงาน Q2/67 ยังสามารถโตต่อ YoY และ QoQ หนุนจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงต่อ เนื่องจาก TIDLOR บันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานใน Q1/67
ประกอบกับคาดรายได้ค่าธรรมเนียมจะทยอยขยับขึ้น ตามแผนขยายฐานลูกค้าทั้งผ่านสาขา และ Digital Platform นอกจากนี้คาดรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะขยับขึ้น QoQ ตามผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ฟื้นตัว หลังปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียน และมีจำนวนวันในการคำนวณดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คาดบริษัทจะสามารถขยายสินเชื่อได้เพิ่มขึ้น รับรู้ผลจากสาขาใหม่ราว 30 สาขาที่เปิดใน Q1/67 และคาดความต้องการสินเชื่อของลูกหนี้ต่างจังหวัดยังแข็งแรง เพราะธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ หนุนให้ฝ่ายวิจัยคาดทั้งปี 2567 TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 4,515 ลบ. โต 19.1% YoY
ราคาหุ้น Underperform มานาน สวนทางกับกำไรสุทธิที่ฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาหุ้น TIDLOR ปรับลงมามากเกินไป หลังแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายมีทิศทางปรับลงช้ากว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ผลดำเนินงานคาดจะปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังคุณภาพสินทรัพย์เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 39.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2567 เดิมที่ 29 บาท (อิง PBV ที่ 2.5x) จึงแนะนำ “ซื้อ”