รีเซต

สรุปรวม 'แคดเมียม' : ภัยจาก 'อุตสาหกรรม' สู่บทเรียนราคาแพง ที่ควรยกระดับบทลงโทษ

สรุปรวม 'แคดเมียม' : ภัยจาก 'อุตสาหกรรม' สู่บทเรียนราคาแพง ที่ควรยกระดับบทลงโทษ
TNN ช่อง16
5 เมษายน 2567 ( 09:21 )
64

สรุปประเด็นกากแคดเมียม 15,000 ตันในสมุทรสาคร


วันที่ 4 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานนำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งที่มีข่าวพบกากแคดเมียมจำนวนมหาศาล ที่ตั้งอยู่บริเวณซอยกองพันนพล ถนนเอกชัย ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร หลังรับแจ้งว่ามีกากแคดเมียมและกากสังกะสีบรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก จำนวนกว่า 1,636 ถุง รวมน้ำหนักประมาณ 15,000 ตัน กองอยู่ทั้งภายในและภายนอกโรงงาน


จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทางโรงงานได้รับอนุญาตประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะต่างๆ ส่วนกากแคดเมียมและสังกะสีนั้นจะนำไปผสมกับปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% เพื่อทำลายฤทธิ์และอยู่ในสถานะแข็งตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษระบุว่าหากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและไม่ชำระล้างจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกฎหมายหลายประการ อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดออกประกาศห้ามบุคคลเข้าพื้นที่โรงงาน 90 วัน, สั่งให้นำกากดังกล่าวกลับไปฝังกลบที่ต้นทางจังหวัดตาก, อายัดและห้ามนำกากเข้ากระบวนการผลิต


ด้านสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งระงับกิจการ ดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่สวัสดิการคุ้มครองแรงงานดำเนินคดีในความผิดด้านความปลอดภัยแรงงาน นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำและสุขภาพของพนักงาน รวมถึงตรวจสอบความถูกต้องด้านกฎหมายอาคาร และดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องด้วย


การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพบกากอุตสาหกรรมอันตรายจำนวนมาก โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายและขั้นตอนต่อไป



 

แคดเมียม (Cadmium) คือะไร


แคดเมียม (Cadmium) เป็นโลหะหนักสีขาวเงิน มีเลขอะตอม 48 และมีสัญลักษณ์ทางเคมีว่า Cd


แคดเมียม เป็นธาตุโลหะหนักชนิดหนึ่งในกลุ่มโลหะทรานซิชัน มีคุณสมบัติเป็นโลหะสีขาวเงินวาว มีความเหนียวและความแข็งปานกลาง สามารถนำไฟฟ้าและนำความร้อนได้ดี มีจุดหลอมเหลวที่ 321°C และจุดเดือดที่ 765°C


แหล่งสำคัญของแคดเมียมในธรรมชาติ ได้แก่ แร่สังกะสีซึ่งจะมีแคดเมียมเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย การผลิตโลหะนอนเฟอร์รัสจึงเป็นแหล่งกำเนิดของแคดเมียมที่สำคัญ นอกจากนี้ แคดเมียมยังถูกนำมาใช้ผสมโลหะในการผลิตแบตเตอรี่นิกเกิลแคดเมียม เนื่องจากมีศักยไฟฟ้าค่อนข้างสูง


การใช้ประโยชน์จากแคดเมียม

แคดเมียมถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ดังนี้


1. ถ่านไฟฟ้า (3 ใน 4 ส่วน)


แคดเมียมเป็นองค์ประกอบหลักในถ่านไฟฟ้าชนิดนิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ซึ่งนิยมใช้ในอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป เครื่องมือไร้สาย ฯลฯ


2. สีผง สารเคลือบ และโลหะชุบ (1 ใน 4 ส่วน)


แคดเมียมใช้เป็นเม็ดสีในสีผง สารเคลือบ โลหะชุบ และพลาสติก ช่วยเพิ่มความคงทนต่อแสงแดด ความร้อน และการกัดกร่อน


3. อื่นๆ


โลหะผสมที่มีจุดหลอมละลายต่ำ

โลหะผสมสำหรับการรองรับ (bearing alloys)

การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า

บัดกรี

ควบคุมการแตกตัวทางนิวเคลียร์

ฟอสเฟอร์ในโทรทัศน์

เกลือแคดเมียม เช่น แคดเมียม ซัลไฟด์ (สีเหลืองผง) และ แคดเมียม ซีลีไนด์ (สีแดงผง)

สารกึ่งตัวนำ เช่น แคดเมียม ซัลไฟด์ แคดเมียม ซีลีไนด์ และ แคดเมียม เทลลูไรด์

สารทำเสถียรใน PVC

เครื่องตรวจจับนิวตริโน

บล็อก ช่องแคลเซียมที่ขึ้นกับแรงดันไฟฟ้า


ข้อควรระวัง: แคดเมียมเป็นโลหะหนักที่มีพิษ การสัมผัสแคดเมียมในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ไต กระดูก และระบบประสาท





กระทบประชาชน สิ่งแวดล้อม


ด้วยปริมาณกากแคดเมียมและกากสังกะสีรวมกันกว่า 15,000 ตันที่พบในโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งรัดดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม


แคดเมียม เป็นสารพิษอันตรายชนิดหนึ่ง หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคอิไต-อิไต กระดูกพรุน เป็นมะเร็ง และส่งผลกระทบต่อระบบสำคัญต่างๆ ของร่างกาย ทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายกากพิษออกจากพื้นที่โดยด่วน พร้อมทั้งเฝ้าระวังและตรวจสอบการแพร่กระจายสู่แหล่งน้ำและดินในบริเวณใกล้เคียง รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานและประชาชน


นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนี้ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นบทลงโทษและป้องกันมิให้เกิดกรณีที่คล้ายคลึงกันอีกในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม หากทิ้งไว้เฉยๆ ผลเสียต่อระยะยาวอาจคาดไม่ถึงได้


 บทลงโทษที่เหมาะสม: สะท้อนความรับผิดชอบ ปกป้องประชาชน สิ่งแวดล้อม


เมื่อเกิดกรณีโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยสารเคมีอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนและระบบนิเวศน์ จำเป็นต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงและเด็ดขาดเพื่อเป็นบทเรียนและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก


หนึ่งในบทลงโทษที่สำคัญที่สุดคือโทษทางอาญา ซึ่งผู้กระทำความผิดอาจต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี หรือปรับถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการลงโทษทางกายภาพและทางการเงิน เพื่อสร้างแรงเตือนและตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน


นอกจากนี้ ยังมีโทษทางแพ่งที่โรงงานต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งในรูปของเงินทดแทนและการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นมักจะมีมูลค่าสูงมาก


ในแง่การบริหารจัดการ โรงงานที่กระทำความผิดนี้ควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการทันที พร้อมทั้งสั่งปิดกิจการโรงงานนั้นไว้ชั่วคราวหรือถาวร โดยจัดให้เป็นโรงงานที่อยู่ในบัญชีดำของหน่วยงานกำกับดูแล และเปิดเผยชื่อต่อสาธารณชนเพื่อเป็นการประจานขายหน้า


การลงโทษครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมทั้งปวง ในการตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงจากสารเคมีที่อาจเกิดขึ้น หากขาดการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเป็นการสร้างแรงเตือนให้ดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบและเคารพต่อกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด



ในประเทศไทย เคยเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของสารเคมีหลายครั้ง ตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญๆ ดังนี้


1. เหตุการณ์ก๊าซคลอรีนรั่วไหล

2. เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล

3. เหตุการณ์สารเคมีกำจัดศัตรูพืชรั่วไหล 

4. เหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล 

5. เหตุการณ์กากแคดเมียม 15,000 ตัน ล่าสุด 


ตัวอย่างเหตุการณ์ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลอีกหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย



ยกระดับบทลงโทษ: ป้องกันมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมปลอดภัย


การมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์และปลอดมลพิษ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งมักเป็นจุดกำเนิดของมลพิษและสารพิษต่างๆ จำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษที่เข้มงวดและรุนแรงขึ้น เพื่อสร้างแรงกดดันและความตระหนักรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อม


หากพิจารณาถึงความสำคัญและความรุนแรงของปัญหามลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและระบบนิเวศโดยรวม บทลงโทษที่เคยมีอยู่นั้นอาจไม่เพียงพอและไม่รุนแรงพอที่จะสร้างความตระหนักและเป็นบทเรียนอย่างแท้จริง


ในกรณีของโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยสารพิษหรือก่อให้เกิดมลพิษรุนแรง บทลงโทษควรมีรูปแบบผสมผสานที่รุนแรงและเด็ดขาด เริ่มต้นจากการพิจารณาคดีด้วยความเร่งด่วน และหากพิสูจน์ได้ว่ากระทำความผิดจริง ควรมีโทษที่เด็ดขาด 


นอกจากนี้ โรงงานดังกล่าวควรถูกเพิกถอนใบอนุญาตทันที พร้อมปิดกิจการถาวรอย่างน้อย 5 ปี และจัดอยู่ในบัญชีดำ ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจการอีกตลอดไป มีการเปิดเผยรายชื่อต่อสาธารณชน  รวมถึงมีการติดแสดงสถานะ เพื่อให้ลูกค้าและผู้บริโภครับรู้  


บทลงโทษรุนแรงต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนและการสร้างบรรทัดฐานใหม่ ที่สะท้อนการให้ความสำคัญและจริงจังต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อเป็นการตอบแทนบรรดาผู้ประกอบการที่ประมาทเลินเล่อและปล่อยให้เกิดมลพิษ ซึ่งหวังว่าจะทำให้ทุกฝ่ายรู้สึกวิตกกังวลและเกรงกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการขู่เข็ญผู้ประกอบการที่ชอบสร้างปัญหามูลฝอยและมลพิษต้องตระหนักได้ทั้งโทษและผลร้ายที่จะตามมา และจะดำเนินกิจการด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ






ภาพ Getty Images


ข่าวที่เกี่ยวข้อง