"ล้มแล้วลุกใหม่ได้" ส่องร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย เปลี่ยนการลงโทษ เป็นโอกาส
วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลธรรมดาที่ต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก ร่างพระราชบัญญัติล้มละลายฉบับใหม่จึงถือเป็น "เครื่องมือช่วยชีวิต" ที่จะเข้ามาเยียวยาและประคับประคองให้ธุรกิจที่กำลังป่วยได้มีโอกาสฟื้นตัว แทนที่จะปล่อยให้ต้องล้มละลายไปอย่างน่าเสียดาย
"ความพิเศษ" ของกฎหมายฉบับนี้อยู่ที่การเปิดประตูให้บุคคลธรรมดาที่มีหนี้ตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฐานะได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของกฎหมายล้มละลายไทย ที่แต่เดิมมุ่งเน้นเพียงการช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและบุคคลธรรมดาต้องเผชิญชะตากรรมโดยลำพัง เมื่อประสบปัญหาทางการเงิน
"กระบวนการฟื้นฟูแบบเร่งรัด" เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางกฎหมายที่น่าจับตา เปรียบเสมือนการนำผู้ป่วยเข้าห้อง ICU ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะการปล่อยให้ธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาต้องรอคิวผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจทำให้สายเกินแก้และนำไปสู่การล้มละลายในที่สุด กระบวนการนี้จะช่วยลดขั้นตอน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย รวมถึงลดภาระของศาล ทำให้การฟื้นฟูกิจการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในมุมของเศรษฐกิจมหภาค การช่วยเหลือ SMEs ซึ่งมีจำนวนมากถึง 3.19 ล้านราย (คิดเป็น 99% ของภาคธุรกิจทั้งหมด) ให้สามารถยืนหยัดและฟื้นตัวได้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ว่า SMEs จะมีสัดส่วนรายได้เพียง 18% ของระบบเศรษฐกิจ แต่พวกเขาคือฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายความมั่งคั่งสู่ชุมชน
(การปรับโครงสร้างตามขนาดธุรกิจ) เป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยกฎหมายฉบับนี้ได้แยกเกณฑ์หนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ออกจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้ธุรกิจขนาดใหญ่ต้องมีหนี้ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้การฟื้นฟูกิจการสามารถดำเนินการได้สอดคล้องกับความซับซ้อนของแต่ละประเภทธุรกิจ
(จุดเปลี่ยนสำคัญ) ของกฎหมายฉบับนี้คือการปรับเปลี่ยนมุมมองจาก "การลงโทษ" มาเป็น "การให้โอกาส" ผู้ประกอบการที่สุจริตแต่ประสบปัญหาทางการเงินชั่วคราว ได้มีโอกาสปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูกิจการ โดยยังคงเป็นผู้บริหารกิจการตามแผนฟื้นฟูด้วยตนเอง ซึ่งจะช่วยรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งลูกหนี้ เจ้าหนี้ พนักงาน และระบบเศรษฐกิจโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือ การบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องมีความพร้อมในการดูแลกระบวนการฟื้นฟูกิจการที่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้มีการใช้ช่องทางนี้ในทางที่ผิด
ท้ายที่สุด การ "เปิดทางฟื้นฟู ปิดทางล้มละลาย" ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือธุรกิจและบุคคลที่กำลังประสบปัญหา แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความเป็นธรรม และวางรากฐานระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถ "ล้มแล้วลุกใหม่ได้" อย่างแท้จริง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ภาพ Freepik
เรียบเรียง : ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ Website TNN