CBG เอเซีย พลัส ปรับเพิ่มกำไร-คำแนะนำขึ้น หลังส่วนแบ่งในประเทศดีขึ้น-ค่าใช้จ่ายลด

#CBG #ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ในปี 2568 ขึ้น 5% เป็น 3.1 พันล้านบาท (+10% YoY) และปี 2569 ขึ้น 8% เป็น 3.5 พันล้านบาท (+12% YoY) จากการปรับเพิ่มยอดขายขึ้นตามส่วนแบ่งตลาดในประเทศที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่ลดลงจากการย้ายการผลิตบางส่วนไปยังโรงงานแห่งใหม่ในเมียมมาและกัมพูชา

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “Outperform” จากเดิม “Underperform” เนื่องจาก 1) สถานะทางการตลาดในประเทศที่แข็งแกร่ง 2) แนวโน้มกำไรที่คาดจะทำจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/68 และฟื้นกลับมาดีโตในไตรมาส 4/68 โดยคาดเป็นจุดสูงสุดของปี และ 3) โรงงานแห่งใหม่จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและภาษีในปี 2569 ช่วยหนุนการเติบโตของกำไร โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 62.00 บาท

โดยส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศ (ตลาดหลัก) ของ CBG เพิ่มขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ที่ 27.3% ในเดือนส.ค. ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดใน 3QTD68 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 26.7% จาก 25.8% ในไตรมาส 2/68 และ 24.9% ในไตรมาส 3/67 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งช่องทางร้านค้าสมัยใหม่และร้านค้าดั้งเดิม ขณะที่แนวโน้มรายได้จากการช่วยจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน จากความนิยมสุราข้าวหอมที่สูงขึ้น

นอกจากนี้คาด CBG เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐซึ่งจะมีเข้ามาช่วง 4Q68 โดยบริษัทมีสัดส่วนยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศผ่านช่องทางร้านค้าดั้งเดิมสูงราว 70%

ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 มีแนวโน้มลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากผลเชิงลบของฤดูกาลและกัมพูชาที่มีสัดส่วน 15% ของยอดขายรวมหดตัวแรง จากประเด็นความขัดแย้งชายแดนซึ่งน่าจะฉุดให้มาร์จิ้นลดลงไปด้วยเนื่องจากสินค้าส่งออกมีมาร์จิ้นที่สูงกว่าสินค้ากลุ่มอื่น

อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรของบริษัทจะกลับมาเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY ได้ในไตรมาส 4/68 จากแรงหนุนยอดขายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งคาดว่ายอดขายในประเทศจะทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสได้อย่างต่อเนื่องจากปัจจัย 1) ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่เพิ่มขึ้น 2) ปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วงเฉลิมฉลองหนุนยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และ 3) ผลบวกจากมาตรการภาครัฐหนุนการบริโภคในประเทศโดยรวม