EA โบรกคาดกำไร1Q67 ที่ 1,500 ลบ.เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ใหม่

#EA #ทันหุ้น - EA รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 1,163 ล้านบาท (-41% QoQ, -47% YoY) หากหักรายการพิเศษออก กำไรปกติอยู่ที่ 1,258 ล้านบาท (-11% Q0Q, -43% YOY) สูงกว่าที่คาดราว 8%
กำไรปกติของ EA ที่ลดลง Q๐Q และ YoY เป็นผลจาก 1) ผลกระทบจากนโยบายปรับลดค่ไฟฟ้างวด ก.ย.- ธ.ค. 2566 เป็น 3.99 บาท/หน่วย ซึ่งส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าแบบ Adder ลดลง 2) ปริมาณการส่งมอบ EV รวมที่ลดลงมาอยู่ที่ 185 คัน ในช่วง 4Q66 (-71% Q0Q -80% YoY) หลังกลุ่มลูกค้าหลักมีการขอเลื่อนส่งมอบรถเพราะต้องหาสถานีชาร์จประจุไฟฟ้แห่งใหม่ (สถานีเดิมไม่เพียงพอ ต่อความต้องการ) และ 3) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 652 ล้านบาท (+10% QoQ, +64% YoY หลังบริษัทฯ มีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมราว 1.69 หมื่นล้านบาทในปี 2566 ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีการบันทึกรายการลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นๆ (รวมลูกหนี้สัญญาเช่าเงินทุน) จำนวน 21,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากสิ้น 3Q66 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการส่งมอบ EV Bus และ E-Truck อย่างต่อเนื่อง (EV Bus ขายในรูปแบบสัญญาเช่าเงินทุน)
ที่ประชุมคณะกรรมการของ EA ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดชำระและใช้ในการดำเนินงานหรือเป็นเงินทุนและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทในเครื่อ (EA มีหุ้นกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดชำระระหว่างปี 2567-68 จำนวน 7.45 พันล้านบาท) EA ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 จำนวน 0.30 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 0.8% ขึ้น XD วันที่ 8 มี.ค.
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q67 ที่ 1,500 ล้านบาท +/- ฟื้นตัว Q0Q ตามปริมาณการส่งมอบรถ EV ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 300-500 คัน จากการเร่งส่งมอบรถให้กับกลุ่ม Thai Smile Bus (TSB) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ และการได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นคำไฟฟ้เป็น 4.18 บาท/หน่วย รวมถึงคำใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ YOY คาดกำไรปกติลดลงจากฐานที่สูงในปีก่อนตามจำนวนการส่งมอบรถ EV รวมที่ลตลงและการรับรู้ผลกระทบจาก Adder ของโครงการแสงอาทิตย์ในนครสวรรค์ขนาด 90W ที่หมดอายุลงในเดือน ธ.ค. 2566 รวมถึงต้นทุน
ทางการเงินที่สูงขึ้นจากการออกหุ้นกู้และการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.
คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 40.00 บาทหุ้น โดยมองว่าการฟื้นตัวของราคาหุ้นในช่วง 12 เดือนถัดจากนี้จะยังคงถูกกดดันจากการแข่งขันในธุรกิจแบตเตอรี่ที่สูงขึ้นและความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความสามารถในการส่งมอบ EV อย่างต่อเนื่องในระยะยาว จึงคงคำแนะนำ "TRADING"