รีเซต

โรคแอนแทรกซ์คืออะไร? รู้จักเชื้ออันตรายที่ควรเฝ้าระวัง

โรคแอนแทรกซ์คืออะไร? รู้จักเชื้ออันตรายที่ควรเฝ้าระวัง
TNN ช่อง16
7 พฤษภาคม 2568 ( 15:57 )
10

ทำความเข้าใจโรคแอนแทรกซ์ เชื้อแบคทีเรียร้ายแรงที่พบในสัตว์ อาการ การติดต่อ วิธีรักษาและป้องกัน ครอบคลุมครบในบทความเดียว


โรคแอนแทรกซ์คืออะไร?

“โรคแอนแทรกซ์” (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อ Bacillus anthracis ซึ่งสามารถพบในธรรมชาติ โดยเฉพาะในดินและในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น โค กระบือ แพะ แกะ โรคนี้สามารถติดต่อมาสู่คนได้ผ่านการสัมผัสสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ติดเชื้อ

โรคแอนแทรกซ์จัดเป็นโรคติดต่อร้ายแรง และยังเป็นหนึ่งในเชื้อที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่อาจถูกใช้เป็นอาวุธชีวภาพ จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก

รูปแบบการติดเชื้อและอาการของโรค

เชื้อ Bacillus anthracis สามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้ 4 ทางหลัก และส่งผลให้เกิดอาการแตกต่างกัน ดังนี้

 1. แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax)

พบบ่อยที่สุด เริ่มจากอาการคัน แล้วกลายเป็นตุ่มแดง ตุ่มพอง และแผลเนื้อตายสีดำตรงกลาง มักไม่เจ็บแผล แต่อาจบวมบริเวณโดยรอบ แผลมักอยู่บริเวณแขน มือ หน้า และคอ

 2. แอนแทรกซ์ทางเดินหายใจ (Inhalational Anthrax)

เกิดจากการสูดดมสปอร์เข้าไป เริ่มด้วยอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้ ปวดเมื่อย เจ็บหน้าอก จากนั้นจะลุกลามอย่างรวดเร็วสู่ภาวะหายใจลำบาก ช็อก และเสียชีวิตในเวลาอันสั้น หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

 3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax)

มักเกิดจากการบริโภคเนื้อสัตว์หรือนมที่มีการปนเปื้อน อาการได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระเป็นเลือด เจ็บท้อง บางรายอาจมีภาวะเลือดเป็นพิษและเสียชีวิต

 4. แอนแทรกซ์จากการฉีดยา (Injection Anthrax)

พบได้น้อย มักพบในผู้ใช้ยาเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น เกิดแผลหนองบริเวณที่ฉีดยา และอาจลุกลามอย่างรวดเร็ว

ระยะฟักตัว และการวินิจฉัย

 • ระยะฟักตัวของโรคโดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 1 - 5 วัน แต่สามารถยาวนานถึง 60 วัน

 • การวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจหาสปอร์หรือเชื้อแบคทีเรียจากแผล เลือด เสมหะ หรือน้ำไขสันหลัง

 • เทคนิคทางห้องปฏิบัติการที่ใช้ได้แก่ PCR, ELISA, Immunohistochemistry, และการเพาะเชื้อบนอาหารเลี้ยงเชื้อเฉพาะ

การรักษาโรค

โรคแอนแทรกซ์สามารถรักษาได้หากวินิจฉัยเร็วและให้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม ยาที่ใช้ได้แก่:

 • เพนิซิลลิน (Penicillin)

 • ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline)

 • ซิโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin)

 • ยาต้านพิษ เช่น โมโนโคลนอลแอนติบอดี และ Immunoglobulin (ในบางกรณี)

ในผู้ป่วยอาการรุนแรง อาจต้องให้ยาหลายชนิดพร้อมกัน และดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤต

การป้องกันและควบคุมโรค

 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่วย

 2. ไม่บริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อและน้ำนมจากสัตว์ในพื้นที่เสี่ยง

 3. ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ทหาร หรือผู้ทำงานในห้องปฏิบัติการ อาจมีการฉีดวัคซีนป้องกัน

 4. หากสงสัยว่าได้รับเชื้อ ควรรีบรับยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันล่วงหน้า (Post Exposure Prophylaxis)

สถานการณ์ในไทยและภูมิภาค

ในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยแอนแทรกซ์ในคนหรือตรวจพบในสัตว์ ตั้งแต่ปี 2544 อย่างไรก็ตาม ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เวียดนาม ยังคงมีรายงานการระบาดในสัตว์และมนุษย์ ทำให้ไทยต้องมีการเฝ้าระวังชายแดนอย่างใกล้ชิด

สรุป

โรคแอนแทรกซ์เป็นโรคอันตรายแต่สามารถป้องกันและรักษาได้ การรู้เท่าทันวิธีการติดเชื้อ อาการ และแนวทางปฏิบัติเมื่อสงสัยว่าเสี่ยงติดโรค จะช่วยลดการเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้อย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร ผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง