รวมสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง อาการโรคหัวใจ และวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น
โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทประชาชนควรตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาสเกิดโรค
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ได้เปิดเผยว่า กลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและของโลก พบว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเฉลี่ย ชั่วโมงละ 2 คน โรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดจากภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งกระบวนการนี้จะเริ่มต้นและค่อยๆ เสื่อมจนทำให้เกิดอาการในระยะต่อมา หากพบว่าเป็นโรคดังกล่าวแล้วผู้ป่วยจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ตลอดชีวิต
อ่านข่าว >>> "นพ.อัษฎางค์" รองอธิบดีกรมควบคุมโรคเสียชีวิตกะทันหัน
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมีอะไรบ้าง
โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่และเป็นโรคเบาหวาน มีโอกาสหรือความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานประมาณ 2-4 เท่า โดยผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย (หญิง3.5 เท่า ผู้ชาย 2.1 เท่า) ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากโรคหัวใจประมาณ 70% ทั้งนี้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเพิ่มขึ้นกว่าปกติทำให้เพิ่มความหนืดของเลือด การไหลเวียนของเลือดช้า
เมื่อน้ำตาลและไขมันไปเกาะติดกับผนังหลอดเลือดที่เรียบหรือขรุขระทำให้เกิดการอักเสบบริเวณผนังหลอดเลือดแดงซึ่งมีผลทั่วร่างกายมากน้อยต่างกัน ทั้งที่เส้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ สมอง ไต ตาและแขนขา เมื่อเกิดแผลการอักเสบที่ผนังหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดสร้างสารขยายตัวลดลง ประกอบกับมีไขมันเข้าไปเกาะติด ทำให้เกิดเป็นคราบตะกรันบริเวณผนังด้านในหลอดเลือด ทั้งนี้ ยังพบว่า เบาหวานอาจจะมีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรงทำให้การคลายตัวและการบีบตัวของหัวใจล่างซ้ายแย่ลง เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
ความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) เป็นภาวะที่ตรวจพบว่ามีความดันโลหิตอยู่ในระดับสูงผิดปกติ คือมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งอาจไม่แสดงอาการแต่จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ไตวาย เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม อาจทำให้ผู้ป่วยทุพพลภาพหรือเสียชีวิตได้
ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ แต่บางรายพบว่ามีอาการปวดหัว เวียนหัว มึนงง และเหนื่อยง่ายผิดปกติ ซึ่งหากมีภาวะความดันโลหิตสูงนานๆ แต่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้อวัยวะสำคัญต่างๆ ในร่างกายถูกทำลาย ได้แก่ หัวใจ สมอง ไต หลอดเลือด และตา เนื่องจากภาวะความดันโลหิตสูงจะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวขึ้นและรูเล็กลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้น้อยลง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นทำงานไม่เป็นปกติ และหากถูกทำลายอย่างรุนแรงอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
การเกิดภาวะแทรกซ้อนแบ่งได้ 2 กรณี คือ
- ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรง เช่น หัวใจวาย
- ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดตีบหรือตัน
- หากเกิดบริเวณหลอดเลือดหัวใจ จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
- หากเกิดที่บริเวณหลอดเลือดในสมอง จะทำให้หลอดเลือดในสมองตีบหรืออุดตัน และอาจทำให้เป็นอัมพาต
- หากเกิดบริเวณไต อาจทำให้ไตวายได้
ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ
ไขมันในเลือดสูง คือ ระดับคอเลสเตอรอลที่สูงกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร(mg/dl) จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการสะสมที่ผนังหลอดเลือด เมื่อพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ จะส่งผลต่อขนาดรูของหลอดเลือดเล็กลงและอุดตันได้ อย่างไรก็ตาม ในคอเลสเตอรอล ยังมีไขมันประกอบ ซึ่งต้องพิจารณาร่วมด้วยว่าแต่ละตัวมีระดับที่อยู่ในเกณฑ์อย่างไร ประกอบด้วย
HDL (High Density Lipoprotein) คือ ไขมันที่มีความหนาแน่นสูง เป็นไขมันที่ดีต่อหลอดเลือดแดง ช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันที่ไม่ดีไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง ค่าปกติไม่ควรต่ำกว่า 40 mg/dl พบมากในอาหารไข่ เนื้อปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้าสูง อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช เป็นต้น
LDL (Low Density Lipoprotein) คือ ไขมันที่มีความหนาแน่นต่ำ เป็นไขมันที่ไม่ดี ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง สาเหตุของโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น โดยปกติไม่ควรเกิน 120 mg/dl ส่วนใหญ่พบใน ของหวาน ของทอด ไอศกรีม เป็นต้น
ไตรกลีเซอไรด์ เป็นไขมันอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดจากทั้งการสังเคราะห์ในร่างกายของเรา และรับจากการรับประทานอาหาร แต่ถ้าสะสมมากเกินไปจะเป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแดงแข็ง โดยปกติไม่ควรเกิน 150 mg/dl
แนะนำ >>> 8 อาหารลดคอเลสเตอรอล ลดไขมันในเลือด ลดโรคได้แค่เลือกกิน
โรคอ้วนลงพุง
มีข้อมูลทางการแพทย์ (สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์) ระบุว่า ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนลงพุง เป็น 1 ในสาเหตุที่สำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือด อาการดังกล่าวเกิดจากการมีไขมันสะสมในช่องท้องหรืออวัยวะภายในช่องท้องมากเกินควร ส่งผลให้พุงยื่นออกมาอย่างชัดเจน
แนะนำ >>> รวม 10 ท่า ลดเอว ลดพุง สร้างกล้ามท้อง ลดเร็ว ได้ผลจริง!
“อาการลงพุง” สามารถเกิดขึ้นได้ในเพศชายที่มีเส้นรอบเอวเกินกว่า 36 นิ้ว หรือ 90 ซม.และเพศหญิงที่มีเส้นรอบเอวเกินกว่า 32 นิ้ว หรือ 80 ซม. ร่วมกับการมีดัชนีมวลกายเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 18.5 - 24.9 โดยสามารถคำนวณหาค่า ดัชนีมวลกาย = น้ำหนัก (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร)2 หากพบว่าร่างกายของตนเองมีภาวะเสี่ยงดังกล่าว อาจส่งผลต่อการเพิ่มโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
สูบบุหรี่
การสูบบุหรี่และการได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตร้อยละ 12 จากโรคหัวใจทั้งหมด การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญลำดับที่ 2 ของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด รองจากโรคความดันโลหิตสูง มีหลายงานวิจัยพบว่า การสูบบุหรี่ เร่งความเสื่อมของเส้นเลือดทั่วร่างกาย รวมทั้งส่งผลทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจวายกะทันหัน รายที่เรื้อรังจะเจ็บหน้าอก และเหนื่อยง่ายอีกด้วย
ความเครียด
เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลีน และคอร์ติซอลออกมา ซึ่งสารอะดรีนาลีนส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว และความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสารคอร์ติซอลมีผลทำให้ร่างกายผลิตน้ำตาลเพิ่มขึ้น และตับผลิตคอเรสเตอรอลเพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อหลอดเลือดหัวใจทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง ซึ่งก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมาได้
ผลวิจัยโดยศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เผยว่า คนที่มีความเครียด รู้สึกกระวนกระวาย วิตกกังวล มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนที่เครียดน้อยถึง 27 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการติดตามผลต่อเนื่องตลอด 14 ปี เพื่อศึกษาความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เพราะความเครียดยังทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตที่สูงขึ้นนี้ อาจไปทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว เกิดภาวะขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นำไปสู่การเกิดโรคหัวใจวายได้ในที่สุด และเมื่อศึกษาลงถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและโรคหัวใจ พบว่าอายุมากขึ้นความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและโรคหัวใจก็ยิ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ในการศึกษาของทางประเทศแคนาดา ยังพบว่าผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจและสามารถจัดการอารมณ์ความเครียดของตนเองได้ดี จะทำให้มีอายุยืนยาวกว่า 10 ปี เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่สามารถจัดการความเครียดของตนเองได้
แนะนำ >>> " มีความสุข " เริ่มต้นจาก " การพอใจในสิ่งที่มียินดีกับสิ่งที่ได้รับ " 😁✨
กรรมพันธุ์
สถิติพบว่า 1 ใน 200 คนที่เป็นโรคหัวใจมีสาเหตุจากพันธุกรรม โดยผลวิจัยระบุว่า ผู้ที่มีพี่น้องเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจก่อนวัยอันควร จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่าขึ้นไป ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายหากครอบครัวมีประวัติป่วยโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์และหมั่นเช็กสุขภาพเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรค เพราะเมื่อได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จะช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรคได้
นอกจากนี้ ในงานวิจัย “โรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม” ระบุประวัติเฉพาะที่ต้องสงสัยดังนี้
- ครอบครัวมีสมาชิกในบ้านเป็นโรคหัวใจในบ้านแบบเดียวกันในทุกๆ รุ่น
- สมาชิกในครอบครัวเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจล้มเหลวตั้งแต่อายุน้อย
- สมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตเฉียบพลันอย่างไม่ทราบสาเหตุ
- สมาชิกในครอบครัวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดจำเพาะ
ดังนั้น การที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ส่งผลถึงการดูแลสุขภาพของสมาชิกรายอื่นในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะญาติสายตรง (บิดา มารดา บุตรธิดา พี่น้อง) แม้ว่าจะไม่มีอาการใดๆ แต่ต้องพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมของตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายซ้ำขึ้นในครอบครัว
ลักษณะของโรคหลอดเลือดหัวใจ
แบ่งได้ตามลักษณะอาการแสดงมี 2 รูปแบบ
อาการโรคหัวใจแบบเรื้อรัง
เกิดจากการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ มีไขมันไปเกาะผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบเล็กลงหรือตีบตัน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอกในช่วงที่ออกแรงหยุดพักแล้วดีขึ้น อาการลักษณะแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่จะเกิดขึ้นจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่ผนังหลอดเลือดทำให้มีการตีบแคบของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ มักเกิดในบุคคลที่มีความเสี่ยงได้โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงรวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่ โดยมีอาการบ่งชี้ เช่น แน่นหน้าอกคล้ายมีบางอย่างมากดทับรู้สึกร้าวไปกรามและทั้งแขนด้านซ้าย ส่วนใหญ่สัมพันธ์กับการออกแรงและอาการดีขึ้นเมื่อหยุดพักหรืออมยาใต้ลิ้น นอกจากนี้ ยังรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในปัจจุบันมี 3 วิธี คือ
- การรักษาด้วยยา
- การขยายหลอดเลือดแดงด้วยบอลลูนและใส่ขดลวดค้ำยัน
- และการรักษาด้วยการผ่าตัดเบี่ยงเบนหลอดเลือดหัวใจหรือการทำบายพาส
2. อาการโรคหัวใจแบบเฉียบพลัน
เกิดจากการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือดทำให้มีลิ่มเลือดมาเกาะและมีการอุดตันหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจส่งผลให้บางรายเสียชีวิตแบบกะทันหันได้ อาการเกิดได้โดยไม่เลือกเวลา อาจมีอาการได้ในขณะทำงาน เล่นกีฬาหรือพักผ่อน ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการแน่นหน้าอกที่รุนแรง มีเหงื่อออก ใจสั่น และปวดร้าวไปกรามสะบักหลัง แขนซ้าย จุกคอหอย บางรายมาด้วยจุกลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากมีการปริแตกด้านในของผนังหลอดเลือด และมีลิ่มเลือดมาจับตัวบริเวณนั้นเมื่อลิ่มเลือดมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงทีไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย และอาจเสียชีวิตเฉียบพลันทันทีจากภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง
โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ และทุกเวลา เช่น ขณะออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่ง นอนหลับพักผ่อน ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแต่ยังรู้สึกตัวดีต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติผู้ที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งหน้าจะต้องมีความรู้เรื่องการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และรู้จักการใช้เครื่องกระตุกหัวใจ (AED) ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
วิธีแจ้งเมื่อพบผู้ป่วยโรคหัวใจ
ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่เรียกว่า ระบบช่องทางด่วน (fast track)
- ติดต่อหมายเลข 1669 เพื่อนำส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเบื้องต้นและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน จะต้องได้รับการรักษาทันที ด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการสวนหัวใจเพื่อการทำบอลลูน ซึ่งมีระยะเวลาที่เป็นนาทีทอง (golden period) 120 นาที ในการเปิดหลอดเลือดเลือดหัวใจ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
- ภายหลังการรักษาผู้ป่วยต้องรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัด ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ หากพบว่าอาการผิดปกติ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เวลาออกแรง เหนื่อยง่าย หอบเหนื่อยนอนราบไม่ได้ ขาบวมกดบุ๋มให้รีบมาพบแพทย์ทันที
ข้อมูลประกอบ :
- มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
- โรงพยาบาลศคิรินทร์ กรุงเทพ
- มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
Image by mohamed Hassan from Pixabay
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม
สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)