รีเซต

โควิด:ต้นตอเชื้อที่ห้องแล็บ ? คลิปนักวิจัยบุกถ้ำค้างคาว ตอกย้ำปริศนา

โควิด:ต้นตอเชื้อที่ห้องแล็บ ? คลิปนักวิจัยบุกถ้ำค้างคาว ตอกย้ำปริศนา
ข่าวสด
4 เมษายน 2563 ( 05:18 )
269

โควิด:ต้นตอเชื้อที่ห้องแล็บ ? คลิปนักวิจัยบุกถ้ำค้างคาว ตอกย้ำปริศนา

โควิด:ต้นตอเชื้อที่ห้องแล็บ - วอชิงตันโพสต์ เผยแพร่บทความวิเคราะห์ต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้โรคโควิด-19 ระบาดหนักไปทั่วโลก ของ เดวิด อิกเนเชียส คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ ระบุถึงข่าวตื่นตะลึงและเป็นที่พูดถึงเมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับสารคดีที่นักวิจัยของจีนบุกถ้ำค้างคาว ตอกย้ำข้อสงสัยว่า เชื้อไวรัสนี้อาจหลุดมาจากห้องทดลองที่เมืองอู่ฮั่น ต้นตอของโควิด-19 เขย่าโลก

https://www.youtube.com/watch?v=ovnUyTRMERI&feature=emb_logo

 

อิกเนเชียส ระบุว่า ศึกโฆษณาชวนเชื่อระหว่างสองมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกาVSจีน เรื่องต้นตอโควิด ซ้ำรอยเมื่อครั้งเกิดโรคเอดส์แพร่ระบาดในโลก เมื่อปีค.ศ.1985 หรือพ.ศ.2528 ตอนนั้นสหภาพโซเวียต กล่าวหาหน่วยข่าวกรองสหรัฐ หรือ ซีไอเอ เป็นฝ่ายผลิตเชื้อนี้ขึ้นมา

ครั้งนี้ ต้นตอต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งคือ ค้างคาว แพร่เชื้อมาสู่คนได้อาจเป็นเพราะตลาดปลาหัวหนานในเมืองอู่ฮั่นที่ไม่มีสุขอนามัย หรืออีกข้อสันนิษฐานที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ตัดทิ้ง คือเกิดอุบัติเหตุขึ้นในห้องทดลอง

ห้องทดลองที่ศูนย์เมืองอู่ฮั่น

"วิทยาศาสตร์ดี แต่ความปลอดภัยแย่" เป็นข้อความที่ส.ว.สหรัฐ ทอม คอตทัน ทวีตตั้งข้อสงสัยนี้เมื่อวันที่ 16 ก.พ. โดยเชื่อว่า อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นในการทดลองอาวุธชีวภาพ หรือเจตนาปล่อยออกมา จนเกิดผลเลวร้ายยิ่งกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลระเบิด

ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศ ต่างราดน้ำมันเข้ากองไฟอีก เมื่อเรียกไวรัสโคโรนานี้ว่า ไวรัสจีน และ ไวรัสอู่ฮั่น

ทรัมป์บอกไม่ให้เรียกไวรัสจีนได้อย่างไร ในเมื่อมากล่าวหาสหรัฐก่อน AP Photo/Manuel Balce Ceneta)

ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยข้อหาที่ไม่รับผิดชอบและพิลึกพิลั่นขึ้นไปอีก เมื่อนายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ทวีตข้อความกล่าวหากองทัพสหรัฐเอาเชื้อไปปล่อยที่อู่ฮั่น ตอนแข่งมหกรรมกีฬาทหารโลก เดือนตุลาคม 2562

สำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ซีไอเอ อธิบายให้ชัดๆ ว่า ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่า ไวรัสโคโรนานี้สร้างขึ้นในห้องทดลองเพื่อเป็นอาวุธชีวภาพ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่น แสดงข้อมูลว่า ไวรัสนี้ไม่ได้สร้างโดยมนุษย์ หากมีต้นตอจากค้างคาว

ส่วนการระบาดเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องไขปริศนาให้ได้ เพื่อที่จะป้องกันการระบาดของโรค อื่นๆ ในอนาคต

มาถึงจุดนี้ เรื่องราวแต่เดิมว่า มนุษย์กินเนื้อสัตว์ที่ขายในตลาดหัวหนาน เมืองอู่ฮั่น ชักเริ่มสั่นคลอน เพราะนักวิทยาศาสตร์ศึกษาองค์ประกอบของเชื้อแล้ว ไม่พบว่ามีค้างคาวขายในตลาดหัวหนาน แม้ว่าจะมีสัตว์ชนิดอื่นที่เชื่อมโยงกับค้างคาวได้

ตลาดหัวหนาน /DailyMail

งานศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ เดอะ แลนเซ็ต เมื่อเดือนมกราคม ระบุว่า ผู้ป่วยโควิด-19 คนแรกในอู่ฮั่น ที่เป็นชายวัยเกษียณ ไม่เชื่อมโยงกับตลาดปลาหัวหนาน ดังนั้น จึงต้องกลับมาดูทฤษฎีที่ตีคู่กันมา ว่าเกิดอุบัติเหตุในห้องทดลองไวรัสโคโรนาของค้าวคาว

ทฤษฎีนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ฉงนอยู่หลายสัปดาห์ เพราะไม่ไกลจากตลาดหัวหนาน ระยะห่างแค่ 275 เมตร มีสำนักงานสาขาของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของจีนตั้งอยู่

ตลาดหัวหนานที่เดิมคิดว่าเป็นต้นตอไวรัส เริ่มมีข้อหักล้างว่าอาจไม่ใช่

นักวิจัยที่ศูนย์ดังกล่าวเผยแพร่บทความเกี่ยวกับการไปเก็บตัวอย่างไวรัสโคโรนาค้างคาวจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วจีน เพื่อศึกษาถึงโรคภัยในอนาคต

คำถามคือเป็นไปได้หรือไม่ที่ตัวอย่างเชื้อที่เก็บมานั้น มีตัวใดตัวหนึ่งหลุดออกมา หรือมีขยะอันตรายในสถานที่นั้นที่สามารถแพร่ระบาดได้

ริชาร์ด อีไบรต์ ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยด้านชีวภาพ และนักวิจัยจุลวิทยา ให้คำตอบกับวอชิงตันโพสต์มาว่า "การติดเชื้อของมนุษย์คนแรกอาจเกิดขึ้นในอุบัติเหตุทางธรรมชาติ ทำให้ไวรัสแพร่จากค้างคาวมาถึงคน หรืออาจผ่านสัตว์ชนิดอื่นมา"

สถาบันไวรัสวิทยา ที่อู่ฮั่น เริ่มเป็นที่สงสัยว่าอาจเป็นต้นตอที่เชื้อหลุดออกมา

แต่ข้อสันนิษฐานว่า เกิดอุบัติเหตุในห้องทดลอง ก็เป็นไปได้ อย่างเช่น คนที่ทำงานในห้องทดลองเผอิญไปติดเชื้อเข้า ซึ่งการศึกษาไวรัสโคโรนาของค้างคาวที่อู่ฮั่นมีระดับความปลอดภัยทางชีวภาพแค่ระดับ 2 หมายถึงมีการป้องกันในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 4

อีไบรต์ยกตัวอย่างคลิปวิดีโอที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของจีนโพสต์เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคม 2019 (พ.ศ.2562) นั้น เป็นภาพเหตุการณ์ที่ทีมงานไปเก็บตัวอย่างเชื้อจากค้างคาว โดยที่แต่ละคนไม่ได้ใส่ชุดป้องกันพิเศษ และยังปฏิบัติงานด้วยวิธีที่ไม่ปลอดภัย

นักวิจัยเข้าไปในถ้ำโดยไม่ได้ปิดใบหน้าให้มิดชิด

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น อีไบรต์ยังอ่านบทความงานวิจัย 2 ชิ้นของจีน ปี 2017 และ 2019 (พ.ศ.2560 และ 2562) บรรยายวีรกรรมฮีโร่ของนักวิจัย ชื่อ เถียน จุนหัว ที่ไปจับค้างคาวในถ้ำ โดยลืมป้องกันตัวเอง ทำให้ค้างคาวฉี่รดใส่ศีรษะอย่างกับฝนตก

นอกเหนือจากนี้ มีกรณีที่งานวิจัยอีกชิ้นถูกถอนออกไปอย่างน่าสงสัย หลังจากเว็บไซต์รีเสิร์ชเกต เผยแพร่บทความสรุปงานวิจัยของเสี่ยว ป๋อเทา และเสี่ยว เล่ย แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซาท์ ไชนา เมืองกวางโจว ระบุว่า "นอกจากต้นตอของเชื้อจะมาจากการผสมผสานซ้ำตามธรรมชาติและโฮสต์ตัวกลางแล้ว ไวรัสโคโรนามรณะอาจมีต้นตอมาจากห้องทดลองได้"

การเก็บตัวอย่างจากค้างคาวในถ้ำ

นักวิจัย เสี่ยว ป๋อเทา แจ้งกับสื่อวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ว่าเขาถอนงานวิจัยนี้ออกไปเพราะไม่มีข้อพิสูจน์โดยตรง

คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์สรุปในตอนท้ายว่า ถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ มนุษย์ หรือห้องทดลอง การไขปริศนาว่าโควิด-19 เริ่มต้นอย่างไร ไม่ควรจะเป็นเกมที่ซัดกันไปมาอีก จีนและสหรัฐอเมริกาต้องร่วมมือกันในวิกฤตนี้ เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดในอนาคต

/////

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ไวรัสโคโรนา : เชื้อโรคโควิด-19 อาจเป็น "ไคมีรา" มีพันธุกรรมไวรัสสองชนิดรวมกัน

อีกงานวิจัยไวรัสอู่ฮั่น ชี้ "ตัวนิ่ม" เป็น "สัตว์ตัวกลาง" มีความเป็นไปได้สูงสุด

 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง