SCGP โบรกฯ ชี้กำไร Q3/68 ตามคาด มองแนวโน้ม Q4 โต เทศกาลปลายปีหนุน

#SCGP #ทันหุ้น-โบรกเกอร์ชี้บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่รายงานกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% YoY แต่ลดลง 5.6% QoQ ซึ่งกำไรเป็นไปตามคาด พร้อมประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/68 กำไรจะเติบโต เนื่องจากได้รับผลดีจากเทศกาลปลายปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"คนละครึ่งพลัส" ที่จะเป็นปัจจัยหนุน

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า SCGP แจ้งกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 953 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาด โดยกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้น YoY จากต้นทุนวัตถุดิบหลัก อาทิ RCP ที่ปรับลดลง ในขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ จากการขายที่ลดลงจากแรงกดดันด้านราคาขายในตลาดภูมิภาค ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดว่าจะเติบโต จากต้นทุน RCP ที่ลดลง ราคาขายเริ่มปรับขึ้น ปริมาณขายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะไทย, เวียดนามและอินโดนีเซีย จากความต้องการในช่วงเทศกาลปลายปีในยุโรปและสหรัฐ ในขณะที่เอเซียเริ่มมีการสต็อกสินค้าเพื่อรองรับความต้องการช่วงปีใหม่ ในเบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ที่ 3.3 พันล้านบาท แต่มี upside risk จากประมาณการ โดยกำไร 9 เดือนแรกคิดเป็น 85% ของประมาณการของฝ่ายวิจัย

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้น SCGP ให้ราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 24 บาท

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า SCGP มีกำไรไตรมาส 3/68 ใกล้เคียงกับที่คาด การฟื้นตัวของกำไรรายไตรมาสสะดุดลงอีกครั้ง แม้ปริมาณการขายโดยรวมจะทำได้ใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 2/68แต่ผลประกอบการถูกกดดันจากรายได้ที่ลดลงตามราคาขาย และอัตรากำไรเฉลี่ยที่ลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเยื่อและกระดาษ โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรยังสร้างยอดขายได้ดีรับผลบวกจากการบริโภคภายในประเทศและการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตสินค้าจีนมาประเทศกลุ่มอาเซียน ส่วนธุรกิจเยื่อและกระดาษ มียอดขายลดลงจากปัจจัยเรื่องราคาเป็นหลัก

ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส คงประมาณการกำไรทั้งปี 2568 ของ SCGP อยู่ที่ 3,873 ล้านบาท เพื่อเชื่อว่าไตรมาส 4/68 จะกลับมาเติบโต QoQ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย ทำให้ผู้ผลิตสินค้าเร่งผลิตสินค้าล่วงหน้าเพื่อสะสมสต็อกตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3 ถึงกลางไตรมาส 4และปีนี้มีมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” เข้ามาช่วยหนุนการอุปโภคบริโภคในประเทศเพิ่มเติมอีก ในขณะที่หลายประเทศก็ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในเวียดนามยังเติบโตได้ดีตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และจะมีการเร่งผลิตสินค้าสะสมสต็อกรองรับเทศกาลเต็ดที่จะเกิดขึ้นกลางเดือน ก.พ 69 ทำให้ปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์

ทั้งนี้ เป้าหมายที่จะพลิกฟื้นให้บริษัท Fajar กลับมาทำกำไรในงวดไตรมาส 4/68 ดูเลือนลาง ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายไตรมาสโดยมีปัจจัยสำคัญเรื่องราคาขาย ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2569-2572 ลง สะท้อนการฟื้นตัวของ Fajar ที่ล่าช้ากว่าแผนเดิม และมีการปรับลดสมมุติฐานยอดขายและอัตรากำไรลงให้มีความอนุรักษ์นิยมมากขึ้น

ฝ่ายวิจัยคงน้ำหนักการลงทุน Neutral และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2569 อยู่ที่ 23 บาท