‘บัวหลวง’ สแกนหุ้นไทยปี 69 เปิดลิสต์หุ้น “กำไรชัด-ปันผลสูง”

#ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ส่องเจาะทิศทางหุ้นไทยปี 2569 คาดทยอยฟื้นตัวได้ หลังเศรษฐกิจไทยคาดผ่านจุดต่ำสุดใน Q3-Q4/68 กดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอ ผลกระทบมาตรการภาษีทรัมป์ และยังคงกดดันต่อ Q1/68 แต่คาดเริ่มฟื้นตัวในช่วง Q2/69 ตามเศรษฐกิจโลก และฟื้นชัดขึ้นใน 2H69 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินเป้าหมาย SET สิ้นปี 2569 ที่ 1440 อิงกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2569 ที่ 90 (+9.8%) โดยใช้ PER ที่ 16.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีราว 0.25SD
แรงหนุนตลาดหุ้นไทยในปี 2569 คาดมาจาก
1) วัฏจักรสะสมสินค้าคงคลังรอบใหม่ (restocking cycle) หนุนการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมโลกในปี 2569 แต่ก่อนอื่นจะเห็นการระบายสินค้ารอบใหญ่ในช่วง 1-2 ไตรมาสหลังมาตรการภาษีทรัมป์เริ่มใช้ กดดันการค้าโลกในช่วง Q4/68-Q1/69 แต่จะตามมาด้วยวัฏจักรสะสมสินค้าคงคลังรอบใหม่ในช่วงไตรมาส 2 หลังตัวเลขสัดส่วนสินค้าคงคลังต่อคำสั่งซื้อใหม่สหรัฐฯ (US PMI Inventory-to-New Orders) อยู่ใกล้เคียงระดับต่ำสุดในรอบหลายปี (ไม่รวมช่วงวิกฤติ)
2) การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตัวเลข BOI เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เม็ดเงินลงทุนโดยปกติจะทยอยเข้ามาหลังจากการอนุมัติรับการส่งเสริมการลงทุน BOI เฉลี่ยราว 1 ปี ดังนั้น คาดเม็ดเงินจะเข้ามาหนุนการลงทุนภาคเอกชนชัดเจนต่อเนื่องในปี 2569-2570
3) มาตรการกระตุ้นตลาดทุนโครงการบัญชีออมหุ้นระยะยาว (TISA) คาดหนุนเม็ดเงินไหลเข้า
4) นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลง จะหนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติม คาด กนง.จะลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในปี 2569 เหลือ 1.00% จากคาด 1.25% ในปี 2568
5) การทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยว จะยังเป็นแรงส่งให้กับภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยการท่องเที่ยวทำจุดต่ำสุดแล้วใน Q2/68 และจะเริ่มฟื้น Q4/68 ต่อเนื่องไปถึงปี 2569 ปัจจุบันคาดนักท่องเที่ยวราว 33.2 ล้านคนในปี 2568 (ลดลงจาก 2567) แต่คาดจะฟื้นตัวขึ้นราว 34 ล้านคนในปี 2569
ความเสี่ยงสำคัญ: เศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอกว่าคาด ทั้งจากสหรัฐฯ (ภาคแรงงาฯ) และจีน (ภาคอสังหาฯ), หนี้ครัวเรือนไทย-ระดับหนี้เสียอยู่ในระดับสูง, ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า อาจกดดันการเบิกจ่ายงบลงทุน ซ้ำเติมงบลงทุนที่มีวงเงินน้อยกว่าปีก่อนอยู่แล้ว 7.3% YoY
กลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับช่วงปี 2569 ยังเน้นหุ้นที่ “กำไรชัด/ปันผลสูง” โดยเน้นไปที่อุตสาหกรรมดังนี้
โอกาส #1 “กลุ่มผู้นำการเติบโตธีมดาต้าเซ็นเตอร์-Digital transformation” ได้แก่ WHAUP, GUNKUL, GULF
โอกาส #2 “กลุ่มที่กำไรคาดเติบโตต่อเนื่อง/ผ่านจุดต่ำสุด-ได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐฯ” ได้แก่ CPN, CPALL, CENTEL, AOT, CBG
โอกาส #3 “กลุ่มปันผลสูง-กระแสเงินสดสม่ำเสมอ-ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นตลาดทุน TISA” ได้แก่ KTB, SCB, ADVANC
โอกาส #4 “กลุ่มเชื่อมโยงการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก” ได้แก่ PTTGC, SCC, ITC ทั้งนี้ สำหรับ PTTGC และ SCC แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวใน Q1/68 เพื่อรอรับรอบฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
