รีเซต

MEDEZEธนาคารสเต็มเซลล์ รุกขยายฐานรองรับดีมานด์

MEDEZEธนาคารสเต็มเซลล์ รุกขยายฐานรองรับดีมานด์
ทันหุ้น
15 พฤศจิกายน 2567 ( 11:29 )

#MEDEZE #ทันหุ้น - MEDEZE ผู้นำด้านธนาคารสเต็มเซลล์ในประเทศไทย ชูตลาดสเต็มเซลล์เติบโตต่อเนื่อง มุ่งยกระดับธุรกิจสู่มาตรฐานสากล พร้อมเผยผลงาน 9 เดือนแรกปี 2567 กำไรโต 30%  เดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนเข้ามาระดมทุน IPO ย้ำปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

นพ.วีรพล  เขมะรังสรรค์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ผู้นำธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต โดยความก้าวหน้านวัตกรรมทางการแพทย์ และบริษัทมีระบบการจัดเก็บที่ได้มาตรฐานสากลและดำเนินธุรกิจตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจและเพิ่มฐานลูกค้า

 

@ตลาดโตขึ้นระดับโลก

 

ตามรายงาน “Global Cord Blood and Tissue Banking Industry Report” ระบุว่ามีงานวิจัยเกี่ยวกับ Cord Blood มากถึง 3,000-5,000 ฉบับต่อปี  ซึ่งแสดงถึงความต้องการการจัดเก็บสเต็มเซลล์ที่เพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น 1%, 3%, 4% และ 6% ของประชากรเกิดใหม่ในแต่ละปีของประเทศจีน, สหรัฐอเมริกา, ยุโรป และญี่ปุ่น ตามลำดับ ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจธนาคารสเต็มเซลล์มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต

 

ทั้งยังได้รับรางวัล “Industry Champions of the Year” จาก Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ปี 2024 สะท้อนถึงมาตรฐานและนวัตกรรมการบริการขององค์กร

 

@ทำกำไรโตต่อเนื่อง

 

นพ.วีรพล  กล่าวว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขาย และการให้บริการอยู่ที่ 630.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 22.20%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย และการให้บริการรวม 515.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 240.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.02 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 30.37%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 184.45 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจะจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 และจ่ายปันผลใน วันที่ 11 ธันวาคม 2567

 

โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ และกำไรสุทธิเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเลือดสายสะดือ, เนื้อเยื่อสายสะดือ, เนื้อเยื่อไขมัน และรายได้จากการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขนาดทีมขาย ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการมาจัดเก็บเซลล์ต้น กำเนิดได้มากขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทมีพันธมิตรที่เป็นบุคคลากรทางการแพทย์ และสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และการเพิ่มจำนวนตัวแทนการให้บริการทั้ง Dealer และ Agent ทั้งในเขตของกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงเขตต่างจังหวัด

 

ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทสามารถลดต้นทุนในการเพาะเลี้ยงเซลล์โดยใช้เครื่องเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคมอลชนิดอัตโนมัติ หรือ Quantum ที่ซื้อมาในปี 2567 ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ในจำนวนมากได้ในระยะเวลาที่น้อย โดยคงคุณภาพของเซลล์ต้นกำเนิดไว้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด มาทดแทนการเพาะเลี้ยงด้วยบุคลากรทางการแพทย์ และค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ หรือ Fixed Cost ที่ไม่ได้แปรผันตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น

 

“บริษัทยืนยันความสำคัญของการดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายและมาตรฐานธนาคารเซลล์ ทั้งยังได้เตรียมพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยเซลล์บำบัด ซึ่งกำลังจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ อีกทั้งบริษัทยังได้วางมาตรการควบคุมเนื้อหาในการโฆษณา เพื่อไม่ให้เกิดการชักจูงหรือเชิญชวนด้วยข้อความเกินจริงหรือโอ้อวด เพื่อย้ำถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการให้ข้อมูลแก่ลูกค้า”

 

@เป้าหมายและวิสัยทัศน์

 

สำหรับในอนาคตบริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์เพื่อการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ซึ่งการขยายธุรกิจผ่านการระดมทุน IPO ที่ผ่านมาจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในธุรกิจและตอบแทนผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน

 

“ความสำเร็จและการเติบโตของบริษัทแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมธนาคารสเต็มเซลล์ ทั้งยังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีและการดำเนินธุรกิจที่มีมาตรฐานระดับสูง พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าในอนาคต”

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง