รีเซต

หุ้นเด่นวันนี้! 5 โบรกเฟ้น 13 หุ้นแกร่งฝ่าโควิด-เก็งกำไรงบไตรมาส 2

หุ้นเด่นวันนี้! 5 โบรกเฟ้น 13 หุ้นแกร่งฝ่าโควิด-เก็งกำไรงบไตรมาส 2
TNN Wealth
21 กรกฎาคม 2564 ( 10:07 )
242

หุ้นน่าซื้อวันนี้ 21 ก.ค. 64 : โบรกมองหุ้นไทยวันนี้ Technical Rebound ระยะสั้นรับปัจจัยบวกต่างประเทศ แต่แนวโน้มผันผวนมีโอกาสปรับฐานหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อนิวไฮต่อเนื่อง ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,530- 1,563 จุดเน้นหุ้นพื้นฐานดีคาดงบไตรมาส 2 แกร่ง

 


นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดว่า SET INDEX เกิด Technical Rebound ระยะสั้นวันนี้ หลังจากปรับฐานแรงมา 2 วันติดต่อกันรวม 36 จุด การฟื้นตัววันนี้ ได้รับแรงหนุนจาก Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เป็นบวกมากขึ้น สะท้อนจากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ ปิดบวกราว 1.6% โดยเฉลี่ย และดัชนีชี้วัดความเสี่ยง VIX Index ขยับลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 20 อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ เราคาดว่า มีโอกาสที่กองทุนในประเทศ จะชะลอแรงขายลงหรือกลับมาซื้อสุทธิ หลังจากขายสุทธิมากถึง 6.6 พันล้านบาทในช่วง 2 วันหลังสุด คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX วันนี้ บริเวณ 1,530-1,545/1,550 จุด

 

แม้แนวโน้มระยะสั้น มีโอกาสฟื้นตัว แต่ตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยบวกขับเคลื่อน และมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โรค COVID-19 ในประเทศ ทำให้ภาพระยะกลางของ SET INDEX เป็นการแกว่งตัวผันผวนทางลง โดยมีแนวรับบริเวณ 1,500-1,510 จุด ใกล้เคียงกับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

 

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในหลายประเทศที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการปรับลดประมาณการ GDP ล่าสุด Asian Development Bank (ADB) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 4.4% เป็น 4.0% โดยไทย ถูกปรับลดจาก 3 % มาอยู่ที่ 2 % อย่างไรก็ดี ปีหน้า ADB คาดว่า GDP ไทยจะเร่งตัวขึ้นเป็น 4.9% (ดีขึ้นจากเดิมคาด 4.5%)

 

 

 

 

สำหรับ หุ้นเด่นวันนี้มี 4 ตัว นำโดย INOX ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน ยังได้แรงหนุนจากคาดการณ์ผลประกอบการ 2Q64 ที่จะออกมาเด่น YoY จากทั้งจากราคาสแตนเลสที่เพิ่มขึ้น 38% YoY และการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 84,000 ตัน ซึ่งคิดเป็น 36% ของยอดขายทั้งปี 2563 ที่ 228,000 ตัน นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากต้นทุนการผลิตที่ลดลงหลังเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่อีก 18 ล้านบาทต่อไตรมาส PER2564 ระดับ 16 เท่า และ PBV อยู่ที่ 1.1 เท่า ขณะที่ ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง เป็น Net Cash และมีเงินสดในมือสูงถึง 0.32 บาทต่อหุ้น

 

 


หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ STA เราคาดกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 5.0 พันลบ. เติบโตสูง YoY จาก 2Q63 ที่ 1.1 พันลบ. จากแรงหนุนของรายได้ธุรกิจถุงมือยาง ขณะที่ธุรกิจยางธรรมชาติคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นเด่น YoY มีความถูกในเชิง Valuation ซื้อขายที่ PER2564 เพียง 4 เท่า และคาดเงินปันผล 2Q64 หุ้นละ 0.90 บาท ให้ Dividend Yield 2.4%

 

หุ้นเด่นอีกตัวคือ GPSC ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 83.00 บาท แนวรับ 79.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 77.00 บาทGPSC ได้ประโยชน์จากกำไรของโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่มีแนวโน้มโดดเด่นใน 2Q64 เนื่องจากถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรีสัดส่วน 25% ดังนั้น คาดว่ามีโอกาสที่งบ 2Q64 จะดีกว่าคาดการณ์เดิมของตลาด

 

 

หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ ADVANC ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ DELTA เป็นปัจจัยกดดันการลงทุน ส่งผลให้หุ้นกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มสื่อสารที่มีรายได้มั่นคง และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอจะเป็นที่พักเงินได้ดี

 

นอกจากนั้นคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกหลังสิ้นสุดการทำเสนอซื้อ INTUCH จาก GULF ในวันที่ 4 ส.ค. เนื่องจากจะเห็นโครงสร้างการถือหุ้นที่ชัดเจนใน INTUCH เราคาดกำไรปกติ 2Q64 ที่ 6.8 พันลบ. เพิ่มขึ้น +2.3% YoY และทรงตัว -0.9% QoQ ขณะที่เงินปันผล 1H64 คาดหุ้นละ 3.39 บาท คิดเป็น Dividend Yield 2%

 

 

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า ระยะสั้น Rebound แต่ต่อไปยังผันผวน โดยหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรง 2 วันต่อเนื่อง จนลงมาสู่บริเวณ 1,535 จุด ซึ่งเป็นฐานราคาสำคัญ เป็นไปได้ว่าจะทำให้การดีดตัวกลับขึ้นมาของ SET Index

 

แต่เชื่อว่าน่าจะเป็น Technical Rebound ในระยะสั้น เพราะประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานแล้วยังมีหลายปัจจัยที่จะสร้างแรงกดดัน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่เดินหน้าทำ New High เงินบาทที่อ่อนค่าต่อ การเปิด Short ในตลาด Future ของนักลงทุนต่างชาติในระดับสูง

 

นอกจากนี้หากพิจาณาสัญญาณทาง Technical ก็พบว่าหุ้น Cap. ใหญ่มีสัญญาณลบ ภายใต้องค์ประกอบดังกล่าวทำให้เชื่อว่า SET Index ยังมีความเสี่ยงต่อการที่จะปรับตัวลดลงได้อยู่ แนวรับถัดไปที่ 1,510 แม้ระยะสั้นจะ Rebound แต่ในช่วงต่อไป SET Index ยังมีโอกาสปรับฐานอยู่พอร์ตจำลองวานนี้ Stop profit หุ้น SAPPE ให้นำเงินที่ได้ 5% สำรองเป็นเงินสดเพิ่มเป็น 20% Top Pick เลือก ADVANC, BDMS และ MCS

 

 

 

หุ้นเด่นตัวแรกนำโดยคือ BDMS (FV@24.00) ผ่านจุดต่ำสุด จากนี้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องBDMS ได้ Sentiment เชิงบวกจากประเด็นนำเข้าวัคซีนทางเลือก "Moderna" ที่จองกันอย่างล้นหลามในหลายโรงพยาบาลแต่เชื่อว่าผลประกอบการนับจาก 2Q84 ต่อเนื่องปี 2565จะฟื้นตัว เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกทม.อีกทั้ง 2H64 จากความคืบหน้าวัคซีน อาจหนุนผู้ป่วยไทยฟื้นตัวดีกว่าคาด

 

 

ขณะที่ผู้ป่วย Fly-in คาดหวังทยอยฟื้นตัวบางส่วน คงคาดกำไรปกติปี 2564 โต 43%YoYฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ BDMS มากสุดในกลุ่มฯ จากธุรกิจที่

แข็งแกร่ง และมีเครือข่ายครอบคลุม เบื้องต้นหากรวมวัดซีนทางเลือก จะทำให้มูลค่าพื้นฐานใหม่อยู่ที่ 25-26บาท แนะนำทยอยสะสม

 


หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ MCS (FV@21.90 ) เงินบาทอ่อนค่าส่งผลดีต่อ MCS โดยเบื้องต้นประเมินกำไรสุทธิ 2Q64 จะอยู่ในช่วง 250-300 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% YOY จากงานส่งมอบเป็นงานที่ให้มาร์จิ้นสูง

 

หุ้นเด่นปิดท้ายคือ ADVANC (FV@220.00) หุ้นปันผลสูงผันผวนต่ำคาดกำไร 2Q64 อยู่ที่ 6.92 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น4.2% QOQ จากผลบวกการต้นทุนค่าเสื่อมอุปกรณ์ 3G 4G ที่ทยอยตัดจ่ายครบ และการควบคุมต้นทุนต่างๆบวกกับ อานิสงส์ความเป็นผู้นำธุรกิจมือถือ ช่วยบรรเทาผลกำลังซื้อและการเติบโตธุรกิจรอง อาทิ อินเตอร์เนตบ้าน ที่ขึ้นมาระคองรายได้ในช่วงนี้

 

ขณะที่ 2H64 คาดเติบตเล็กน้อยจาก 1H64 จากบริการมือถือที่เป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น บวกกับ ความเป็นผู้นำ 5Gกลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้วยบริการจากพันธมิตรล่าสุด Disney+ ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าใหม่เพิ่มเติม ซึ่งมูลค่าทางพื้นฐานปัจจุบันยังไม่รวมถึง Synergy ระยะยาวกับ GULF

 

 

 

 

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้คาด SET ฟื้นตัวจำกัด ในกรอบแนวรับ 1,530 จุด และแนวต้าน 1,550 จุด เน้นหุ้นคาดงบ2Q64 เติบโตดี

 

 

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ KCE คาดกำไร 2Q64 เติบโตได้ทั้ง QOQและ YOY จากยอดขาย และอัตราการทำกำไรที่จะเร่งขึ้น สอดคล้องกับภาพเศรษฐ กิจโลกที่ขยายตัวดี นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องกว่า 9% YTD เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม ผสานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการ เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 78 บาท

 

 

หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ SIS คาดกำไร 2Q64 ที่ 195 ลบ. (+2%000 +33%YoY) ทำสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ห้า ตามอุปสงค์ที่ยังแกร่งทั้งคอมพิวเตอร์ , สมาร์ทโฟน ผสานUpside risk จากการระบาดของCOVID-19 แรงขึ้น ทำให้มาตรการ WFH ถูกยืดออกไป หนุนคำสั่งซื้อทั้งเก่า-ใหม่จะแข็งแกร่งไม่จนถึงสิ้นปีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45 บาท

 

 

 

บล.ไทยพาณิชย์ มองว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดยังเป็นปัจจัยกดดัน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งทำนิวไฮต่อเนื่อง ทำให้ SET กรอบบนยังถูกจำกัดที่ 1,544-1,552 จุด ส่วนกรอบล่างยังมี downside ไปหา 1,520-1,525 และ 1,500 จุด ซึ่งมองแนวรับดังกล่าว ดัชนีมีโอกาสเกิดภาพการรีบาวด์ได้ กลยุทธ์ ใช้บริเวณ 1,500 จุด เป็นจุดเริ่มซื้อสะสมเพื่อการลงทุน หลังเราได้เตือนและแนะนำให้ขาย/ลดน้ำหนักการลงทุนที่ระดับเหนือ 1,600 จุด ไปก่อนหน้าแล้ว

 

 

ทั้งนี้แนะนำ Selective buy หุ้นปลอดภัยรับมือตลาดผันผวนสูง 1. Defensive Plays : กลุ่มการแพทย์ BDMS, BCH ,RJH ; EV/clean energy EA, NEX 2) Earnings Play : SCGP, GPSC, TU, PM, SFT, WICE ขณะที่ KCE, HANA แนะนำเทรดดิ้ง

 

ขณะเดียวกันให้เลี่ยงหุ้น reopening ตามที่แนะนำเช่นเดิม จากผลกระทบการยกระดับ lockdown กลุ่มค้าปลีก กลุ่มขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร

 

หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำSFT (ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.40 บาท) คาดกำไร 2Q ทำนิวไฮ โตทั้ง YoY และ QoQ จากคำสั่งซื้อเติบโตต่อเนื่องและการขยายฐานลูกค้าใหม่ ส่วน 2H64 ยังโตต่อเนื่อง เตรียมออกสินค้าใหม่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และเทรดดิ้ง KCE, HANA คาดงบ 2Q64 โตเด่น ได้ประโยชน์บาทอ่อนค่า

 

 

 

 

ขณะที่ บล.กสิกรไทย แจ้งว่า เป้าดัชนีวันนี้อยู่ที่ 1,525-1,560 จุด หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ 3 หุ้นเด่น คือ CPW ปัจจุบัน 3.78 บาท เป้าหมาย 3.98 บาท BPP ปัจจุบัน 18.20 บาท เป้าหมาย 19 บาท หุ้นเด่นปิดท้ายคือ ADVANC ปัจจุบัน 174.50 บาท เป้าหมาย 179 บาท

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง