กระทรวงพาณิชย์ รับสินค้า 279 รายการ ทยอยขึ้นราคา หลังเลิกตรึงดีเซล
ของแพงดันเงินเฟ้อ เม.ย. แตะ 4.65% คาด พ.ค. พุ่งต่อ หลังรัฐเลิกตรึงดีเซล รับสินค้า 279 รายการ ทยอยขึ้นราคา ตั้งแต่ มี.ค. แล้ว
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผอ.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย เดือนเมษายน 65 อยู่ที่ 4.65% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราลดลงเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 65 ซึ่งอยู่ที่ 5.73% เนื่องจากฐานการคำนวณเงินเฟ้อเดือนเมษายน ปีก่อนสูงจึงทำให้เงินเฟ้อขยับขึ้นน้อยกว่า แต่ราคาสินค้ายังคงปรับราคาขึ้นต่อเนื่อง
ปัจจัยหลักที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เนื่องจากราคาพลังงานสูงขึ้น 21.07 ส่งผลให้ ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นที่ 10.73% รวมทั้งอาหารยังปรับราคาสูงขึ้นที่ 4.83% โดยเฉพาะกลุ่มปศุสัตว์ อาทิ ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ที่แพงขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง น้ำมันพืช เป็นต้น
นายรณรงค์ กล่าวต่อว่า สินค้าที่ปรับราคาสูงขึ้นมี 279 รายการ ซึ่งทยอยขึ้นราคามาตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง เมษายน 65 แล้ว เช่นกับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง น้ำมันพืช รวมไปถึง ค่ากระแสไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเนื่องจากสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาของรัฐบาลด้วย โดยเริ่มปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันได 3 ครั้ง ตั้งแต่เมษายน ถึง พฤษภาคม 65
สงครามรัสเซีย-ยูเครน มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตร เป็นสาเหตุทำให้ราคาพลังงาน อาหารสด และอาหารสำเร็จรูปทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง หากสถานการณ์ยืดเยื้อ คาดว่าเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคม จะเพิ่มสูงขึ้นอีก
รวมทั้งมาตรการตรึงราคาและลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ได้สิ้นสุดลงในเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ขณะที่มีการปรับราคาสูงขึ้นแบบขั้นบันไดของก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ในเดือนเมษายน ถึง พฤษภาคม 2565 อีกด้วย
ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ปี 2565 จะอยู่ที่ 4.0% - 5.0% ภายใต้สมมุติฐาน เศรษฐกิจโต 3.5% - 4.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบ 90-110 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และอัตราแกลปเลี่ยน 32% - 34% บาทต่อเหรียญสหรัฐ และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนใหม่อีกครั้ง