RPHกางแผนเปิดรพ.ใหม่ ผลงานปีนี้แตะ1.3พันล้าน
#RPH #ทันหุ้น – RPH วางงบ 550 ล้านบาท รองรับการลงทุน เร่งขยายศูนย์รักษาเฉพาะทางเพิ่มอีก 11 ศูนย์ เตรียมผุดอาคารใหม่รองรับผู้ป่วยประกันสังคม-ประกันชีวิต ปักธงปี 2566 รายได้รวมโต 10-20% จากฐานปี 2562 หรือแตะ 1.2-1.3 พันล้านบาท
นพ.ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566บริษัทมองการขยายความสามารถในการให้บริการทางการแพทย์โดยเฉพาะโรคเฉพาะทางให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะทยอยเปิดให้บริการศูนย์รักษาโรคเฉพาะทางใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่างต่อเนื่อง จากแผนทั้งหมด 11 ศูนย์ ซึ่งปัจจุบันทยอยเปิดให้บริการแล้ว 3-4 ศูนย์
*ทุ่ม 550 ล. เปิดรพ.ใหม่
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขยายการลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ขนาดกว่า 100 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยเฉพาะส่วนของประกันสังคมและผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันชีวิต ที่มีวงเงินไม่สูงนักให้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าด้วยความต้องการตรวจและรักษาสุขภาพทำให้อาคารเดิมที่มีไม่เพียงพอต่อการให้บริการแล้ว เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการทางการแพทย์ได้ในปี 2568 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 400-550ล้านบาท
อีกทั้งยังสนใจศึกษาการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจการดูแลสุขภาพและความสวยงาม เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างฐานธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งในแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) และการร่วมทุน (JV) เพื่อรองรับการขยายตัวของประชากรและการท่องเที่ยว และเพิ่มความสามารถในการให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่อื่นๆ โดยปัจจุบันมีพันธมิตรเข้ามาเจรจาบ้างแล้ว คาดว่าภายในปี 2566 จะได้ข้อสรุป
*รายได้ปี 66 นิวไฮ
ขณะที่เป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปี 2566 บริษัทคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่แตะที่ระดับมากกว่า 1,200-1,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตมากกว่า 10-20%เมื่อเทียบกับฐานปี 2562ที่เป็นงบปกติก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 816.58 ล้านบาท และหากว่าไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบก็คาดการณ์ว่าอัตรากำไรสุทธิในปี 2566 เฉลี่ยจะอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 12-15%
“ภาพรวมปี 66 มองว่าเศรษฐกิจและกำลังซื้อมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ไทยมีการเปิดประเทศอีกครั้งการท่องเที่ยวกลับมามีความคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย คนทุกวันนี้กล้าออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ต่างชาติก็เริ่มกลับมา ซึ่งเราก็มองว่าปัจจัยเหล่านี้เป็นผลบวกต่อธุรกิจ Health Care อย่างมาก” นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 เชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าตามปกติจะไม่ใช่ไฮซีซันของธุรกิจ Health Care แต่อัตราการเข้าใช้บริการทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพยังคงขยายตัวได้ค่อนข้างดี ซึ่งในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2565มีอัตราการใช้พื้นที่เตียงทั้ง OPD และ IPD รวมในระดับที่ค่อนข้างสูงอยู่ประมาณ 80%ของปริมาณเตียงที่มี ส่วนการประกาศงบปี 2565คาดว่าจะไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2566