ลดหย่อนภาษี ปี65 มีอะไรลดหย่อนได้บ้าง? ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน?
ลดหย่อนภาษี ปี65 มีอะไรลดหย่อนได้บ้าง? ยื่นภาษีได้ถึงวันไหน? หากไม่ยื่นภาษี จะเป็นอย่างไร? เหลือเวลาไม่มากสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำในการวางแผนภาษีเพื่อยื่นแบบ ภ.ง.ด. เพื่อนำไปคำนวณในการเสียภาษีของปี 2565 ที่จะยื่นต้นปี 2566 และเป็นช่วงเวลารวบรวมค่าลดหย่อนที่ช่วยให้เสียภาษีน้อยลง ที่มีหลายคนเข้าใจผิดว่า คิดว่ายิ่งลดหย่อนภาษีไปเท่าไหร่ ก็จะเสียภาษีน้อยลงเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้นขึ้นอยู่กับเงินได้และอัตราภาษีเฉพาะบุคคลด้วย โดยปัจจุบันใช้อัตราก้าวหน้าในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปี 2565 กรมสรรพากรได้กำหนดรายการหักค่าใช้จ่ายและลดหย่อนต่างๆ ไว้ เพื่อลดภาระของยอดภาษีที่ต้องนำส่ง โดยแบ่งค่าลดหย่อนออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
รวมรายการลดหย่อนภาษี 2565
กลุ่มที่ 1 ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัว
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัว | ค่าลดหย่อน |
ค่าลดหย่อนส่วนตัว | 60,000 บาท |
ค่าลดหย่อนคู่สมรส กรณีไม่รายได้หรือยื่นร่วม | 60,000 บาท |
ค่าลดหย่อนบุตร | คนละ 30,000 บาท |
ค่าลดหย่อนบิดามารดา | คนละ 30,000 บาท |
ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูผู้พิการหรือคนทุพพลภาพ | คนละ 60,000 บาท |
ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร | ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีละ 60,000 บาท |
*บุตรชอบด้วยกฎหมายและบุตรบุญธรรม หักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท ต้องเข้าเงื่อนไข ดังนี้
- บุตรชอบด้วยกฎหมาย หักลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวน
- บุตรบุญธรรม หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน
- กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีชีวิตอยู่จำนวนตั้งแต่ 3 คน จะนำบุตรบุญธรรมมาหักอีกไม่ได้
- กรณีมีบุตรชอบด้วยกฎหมายมีจำนวนไม่ถึง 3 คน ให้นำบุตรบุญธรรมมาหักได้รวมกับบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่รวมกันต้องไม่เกิน 3 คน
บุตรที่นำมาหักลดหย่อนต้องไม่มีเงินได้ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป และเข้าหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- เป็นผู้เยาว์
- บุตรมีอายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยหรืออุดมศึกษา
- เป็นผู้ที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถอันอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู
การนับจำนวนบุตรให้นับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่ตามลำดับอายุสูงสุดของบุตร โดยนับรวมบัตรที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการลดหย่อนด้วย
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้ โดยบิดามารดาต้องมีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ขอหักลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท หักค่าลดหย่อน คนละ 30,000 บาท และสามารถหักลดหย่อนสำหรับบิดามารดาของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท
Getty / Khanchit Khirisutchalual
กลุ่มที่ 2 ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการลงทุน
ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการลงทุน | ค่าลดหย่อน | |
1 | ประกันสังคม | ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 6,300 บาท |
2 | เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป / เงินฝากแบบมีประกันชีวิต | ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท |
3 | เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง | ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท *ข้อ 2 และ 3 รวมแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท |
4 | เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ | ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท |
5 | เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ | ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท |
6 | กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) *เงื่อนไขคือต้องลงทุนต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี | ลดหย่อนภาษีได้ 30%ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท |
7 | กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กบข / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน | ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท |
8 | เงินสะสมจากกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) | ไม่เกิน 13,200 บาท |
9 | กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) | ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท *ข้อ 5 - 9 รวมแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท |
*ค่าเบี้ยประกันชีวิต (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป) ของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท แต่หากสามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้
(ก) ถ้าความเป็นสามีภริยามิได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษี ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของแต่ละคนหลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึง มาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
(ข) ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษีและภริยาไม่ใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามีตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของแต่ละคนหลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
(ค) ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษีที่ได้รับยกเว้นภาษีและภริยาใช้สิทธิแยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากสามี ตามมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากร ให้สามีและภริยาซึ่งเป็นผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างได้รับยกเว้นภาษีตามจำนวนที่จ่ายจริง เฉพาะส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 90,000 บาท ซึ่งไม่เกินเงินได้พึงประเมินของแต่ละคนหลังจากหักค่าใช้จ่าย ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
*ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท
กลุ่มที่ 3 เงินบริจาค
เงินบริจาค | ค่าลดหย่อน |
เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สนับสนุนการกีฬา เงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะ และโรงพยาบาลรัฐ | ลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน |
กลุ่มเงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน |
เงินบริจาคแก่พรรคการเมือง | สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท |
หลักฐานยืนยันการใช้สิทธิ์
ใบอนุโมทนาบุญหรือใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อคุณเป็นผู้บริจาค (แต่ถ้าบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) จะไม่ต้องใช้หลักฐานการบริจาค)
กลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ | ค่าลดหย่อน |
โครงการช้อปดีมีคืน สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือบริการในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท โดยได้รับเงินภาษีคืนตามะระดับรายได้ |
ค่าธรรมเนียมจากการรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิต | ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง เมื่อมีเงินได้จากค่าเช่า ค่าวิชาชีพอิสระ หรือเงินได้การประกอบธุรกิจอื่นๆ |
ยื่นได้ถึงวันไหน?
สำหรับระยะเวลาการยื่นภาษี 2565 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึง 31 มีนาคม 2566 แต่ถ้ายื่นออนไลน์ จะได้ถึง 8 เม.ย. 2566
วิธีคำนวณเงินภาษีที่ต้องจ่าย
รายได้ต่อปี - ค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิเงินได้สุทธิ x อัตราภาษีแบบขั้นบันได
ตัวอย่าง การคำนวณภาษี ของคนที่มีรายได้ต่อปี 420,000 บาท
420,000 – 100,000 (ค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) – 60,000 (ค่าลดหย่อนส่วนตัว) – 7,200 (ประกันสังคม) = 252,800 (เงินได้สุทธิ) และจะต้องเสียภาษีจำนวน 5,140 บาท ตามวิธีการคำนวณภาษีแบบขั้นบันได
เงินได้สุทธิ | อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | เงินได้สุทธิ 252,800 บาท | การคำนวณภาษี |
0 – 150,000 | ได้รับการยกเว้นภาษี | จำนวน 150,000 แรก | ได้รับการยกเว้นภาษี |
150,001 – 300,000 | 5% | 252,800-150,000 | 102,800 x 5% = 5,140 |
ในกรณีเดียวกัน หากซื้อกองทุน SSFX เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท จะมีเงินได้สุทธิเท่ากับ 168,800 บาท (420,000 – 100,000 – 60,000 – 7,200 – 50,000 = 202,800) และจะเสียภาษีจำนวน 2,640 บาท ตามวิธีคำนวณ ดังนี้
เงินได้สุทธิ | อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | เงินได้สุทธิ 202,800 บาท | การคำนวณภาษี |
0 – 150,000 | ได้รับการยกเว้นภาษี | จำนวน 150,000 แรก | ได้รับการยกเว้นภาษี |
150,001 – 300,000 | 5% | 202,800-150,000 | 52,800 x 5% = 2,640 |
ตัวอย่างดังกล่าว หากมีการใช้สิทธิประโยชน์จากค่าลดหย่อน จะสามารถเสียภาษีลดลง 2,500 บาท (5,140 - 2,640) ซึ่งถ้าหากยังต้องการเสียภาษีน้อยลงจากเดิมอีก อาจลองพิจารณาซื้อกองทุน SSFX เพิ่มเติมจากเดิมเป็น 100,000 บาท ก็จะเสียภาษีลดลงเหลือเพียง 140 บาทเท่านั้น
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
รูปแบบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอยู่ 2 แบบ คือ ภ.ง.ด.90 (สำหรับผู้มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือน) และ ภ.ง.ด.91 (สำหรับผู้มีรายได้เป็นเงินเดือนโดยไม่มีรายได้เสริมอื่น) และจะต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
- รายการลดหย่อนภาษีที่รวบรวมทั้งปี เช่น ค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา
- เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี เพื่อกรอกแบบฟอร์มการยื่นจ่ายภาษี
สถานที่สำหรับการยื่นภาษี
- ยื่นภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
- ยื่นภาษีออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์กรมสรรพากร https://www.rd.go.th
- ยื่นภาษีผ่านแอปพลิเคชัน RD Smart Tax โดยการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรเป็นอันดับแรก จึงจะสามารถยื่นผ่านแอปพลิเคชันได้
กรณียกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- กรณีผู้มีเงินได้เป็นผู้พิการ และมีบัตรประจำตัวคนพิการว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีอายุไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ในปีภาษี จะได้รับยกเว้นเงินได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษีนั้น
- กรณีเป็นผู้สูงอายุ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปีบริบูรณ์ ในปีภาษี จะได้รับยกเว้นเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษีนั้น
- กรณีมีเครดิตภาษีเงินปันผล สำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น สามารถใช้ยกเว้นภาษีได้ตามสัดส่วนที่ได้รับจากเงินปันผล
การจ่ายภาษี และการยื่นภาษีประจำปี
โดยปกติแล้ว นายจ้างจะหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับเงินได้ของพนักงานในแต่ละเดือนและนำส่งกรมสรรพากรให้ เมื่อครบปี นายจ้างจะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือ 50 ทวิ คือ เอกสารแสดงยอดเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ได้หักไว้แล้วในปีภาษี และแสดงข้อมูลรายได้ว่าได้มาจากที่ใดและจำนวนเท่าไหร่บ้าง เป็นเอกสารที่ผู้มีเงินได้สามารถใช้เป็นหลักฐานในการยื่นแบบภาษีเงินได้ หรือ ภงด 90/91 ภายในสิ้นเดือนมีนาคมของปีถัดไปจากปีภาษี สามารถยื่นแบบออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ที่ กรมสรรพากร
หากไม่ยื่นภาษี จะเป็นอย่างไร?
1.บุคคลธรรมดาที่ไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ภายในกำหนด หรือ ยื่นแบบฯ เกินกำหนดเวลา ต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถขอลดค่าปรับได้
2.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 /91 ผ่านอินเทอร์เน็ต กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ
- กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ และไม่ได้ชำระเงินภาษีภายในวันที่กำหนด ก็ถือว่า มีโทษเช่นกัน เพราะถือว่า ไม่ได้ยื่นแบบ โดยจะต้องไปยื่นแบบ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา และชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมทั้งค่าปรับตามข้อ 1
3.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เกินกำหนดเวลา
- กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ รวมทั้งค่าปรับตามข้อ 1
- กรณีไม่มีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระค่าปรับตามข้อ 1 เพียงอย่างเดียว
4.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เพิ่มเติมภายหลังกำหนดเวลาการยื่นแบบ
- กรณีมีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเงินภาษี พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ
- กรณีไม่มีเงินภาษีต้องชำระ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มและค่าปรับ
5.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ขอผ่อนชำระเงินภาษี
หากท่านมิได้ชำระภาษีงวดใดงวดหนึ่งภายในกำหนดเวลา จะหมดสิทธิ์การผ่อนชำระและต้องชำระภาษีอากรที่ค้างอยู่ทั้งหมด โดยต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ
6.ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 มีภาษีชำระไว้เกิน แต่ไม่ได้แจ้งความประสงค์ขอคืนเงิน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือยื่นแบบฯ ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
ข้อแนะนำ อย่าหลีกเลี่ยงการกระทำข้างต้น และให้ติดต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เพื่อขอคำแนะนำเพื่อผ่อนหนักเป็นเบา เช่น การผ่อนจ่ายได้ เป็นต้น
ข้อมูล กรมสรรพากร
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.
คลิกเลย >>> TrueID Community <<<