รีเซต

ส่องหุ้นแบงก์ ปรับลดดบ. MRR -0.25% โบรกฯ สแกน BBL กระทบกว่าคาด

ส่องหุ้นแบงก์ ปรับลดดบ. MRR -0.25%  โบรกฯ สแกน BBL กระทบกว่าคาด
ทันหุ้น
29 เมษายน 2567 ( 10:59 )
35
ส่องหุ้นแบงก์ ปรับลดดบ. MRR -0.25%  โบรกฯ สแกน BBL กระทบกว่าคาด

#ทันหุ้น - บล.ดาโอ ส่องหุ้น BBL ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 24 เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และสนับสนุนการฟื้นตัว ปรับตัว ในช่วงที่กลไกตลาดกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่จุดสมดุลในระยะข้างหน้า ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล และสอดคล้องกับแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า ครอบคลุมทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ SME และลูกค้ารายย่อย ซึ่งรวมถึงกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ 

 

ฝ่ายวิจัยมองเป็นลบจากการปรับลด MRR เพราะเป็นการลดลงให้ทุกกลุ่มที่อิง MRR มุมมองเป็นลบจากการปรับลด MRR ซึ่งจากการสอบถาม IR BBL พบว่าเป็นการลดให้กับสินเชื่อบ้านและ SME กับลูกหนี้ทุกรายที่มีหนี้อิงกับ MRR ซึ่งจะทำให้ผลกระทบจะมากกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินก่อนหน้านี้ที่คิดว่าจะให้เฉพาะกับกลุ่มลูกหนี้ที่เปราะบาง 

 

โดย IR BBL แจ้งว่าลูกหนี้ที่อิงกับ MRR มีเพียง 10% ของสินเชื่อรวม และส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อบ้าน ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2567E จากการปรับลด MRR ให้กับลูกหนี้ทุกรายของ BBL จะอยู่ที่ -0.6% (มากกว่าก่อนหน้าที่ฝ่ายวิจัยประเมินเพียง -0.2%) โดยฝ่ายวิจัยคำนวณจากสินเชื่อที่อิงกับ MRR ที่ 10% ของสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ 273,642 ล้านบาท, อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง 0.125% (คิดที่ 6 เดือน) 

 

ผลกระทบต่อกลุ่มมากกว่าที่เคยคาด หากทุกธนาคารมีการปรับลด MRR เหมือน BBL จะทำให้ผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2567E ของกลุ่มมากกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ราว -1.5-2.6% (เดิมคาดไว้ที่ -0.2-0.5%) (Fig 1) โดยคำนวณแบบ Worst case scenario เพราะอิงสินเชื่อบ้านและ SME ทั้งหมดมารวมกัน ทั้งนี้ หากเทียบกับ BBL ที่ IR เผยว่ามีสัดส่วนสินเชื่อที่อิง MRR rate มีเพียง 10% ของสินเชื่อทั้งหมด (ต่ำกว่าการรวมสินเชื่อบ้านและ SME ที่อยู่ที่ 31% ของสินเชื่อทั้งหมด) ดังนั้น ผลกระทบต่อกำไรสุทธิโดยรวมจะน้อยกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดได้

 

 

สำหรับ BBL ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 175.00 บาท อิง 2567E PBV ที่ 0.60x (-1.00SD below 10-yr average PBV) โดย BBL ซื้อขายที่ PBV เพียง 0.50x หรือที่ระดับ -1.25SD ย้อนหลัง 10 ปี ขณะที่มีความต้านทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ดีกว่ากลุ่มฯ จาก coverage ratio ที่สูงมากที่สุดในกลุ่มอยู่ที่ 292% แต่มีความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานของธนาคาร Permata ที่อินโดนีเซีย (สัดส่วนสินเชื่ออยู่ที่ 11% ของสินเชื่อรวม) ไม่เป็นไปตามคาด

 

 

ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มธนาคาร ฝ่ายวิจัยยังคงน้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” เลือก KBANK (ซื้อ/เป้า 155.00 บาท), TTB (ซื้อ/เป้า 2.10 บาท) เป็น Top pic

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง