อ่านเกม ทรัมป์! ชี้ ภาษีสหรัฐฯ แค่ลีลา-ธงจริง 10% กระทบไทยจำกัดแต่ต้องเร่งปรับตัว I WEALTH LIVE

มองท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯ ในสงครามการค้าเป็นเพียง "ลีลา" ที่วางแผนไว้แล้ว ชี้เป้าหมายภาษีที่แท้จริงคือราว 10% ไม่ใช่ตัวเลขสูงลิ่วที่ประกาศตอนแรก ชี้ผลกระทบเศรษฐกิจไทยมีจำกัด แต่เป็นโอกาสสำคัญที่ต้องเร่งปรับโครงสร้าง ลดพึ่งพาจีน แนะจับตาหุ้นญี่ปุ่น-เกาหลี-อินเดีย และจีนที่น่าทยอยเก็บ
ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าทั่วโลก โดยเฉพาะจีน เริ่มมีมุมมองที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่านี่ไม่ใช่การ "ถอย" แต่เป็นกลยุทธ์ที่วางแผนไว้แล้ว
คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัดให้ความเห็นในรายการ WEALTH LIVE ว่า การประกาศตัวเลขภาษีนำเข้าที่สูงมากในตอนแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเพียง "ลีลา" หรือกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นตระหนก และกดดันให้ประเทศต่างๆ ต้องเข้ามาเจรจาต่อรอง
ชี้เป้าหมายภาษีที่แท้จริงคือ 10%
คุณประกิตวิเคราะห์ว่า ตัวเลขภาษีที่สหรัฐฯ ประกาศใช้จริง หรือตัวเลขที่น่าจะใช้หลังการเจรจา น่าจะอยู่ที่ราว 10% ซึ่งเป็น "ธงในใจ" ของสหรัฐฯ ตั้งแต่แรก สังเกตได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า แม้บางประเทศจะมีสัดส่วนเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ไม่มาก ซึ่งตามสูตรคำนวณเบื้องต้นควรจะถูกเก็บภาษีต่ำกว่า 10% แต่สุดท้ายก็ถูกกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำที่ 10% อยู่ดี
"เขาไม่ได้ถอย เขาแค่วางตัวเลขเว่อร์ๆ ไว้ แต่มีตัวเลขในใจตั้งแต่แรกแล้ว คือ 10% ไอ้ที่ออกมาตอนแรกมันเป็นลีลาเพื่อให้คุณต้องเข้าไปคุยกับเขา" คุณประกิตกล่าว
ผลกระทบเศรษฐกิจไทย จำกัด แต่ต้องเร่งปรับตัว
หากอัตราภาษีอยู่ที่ราว 10% จริง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะมีจำกัดกว่าที่เคยกังวลกันในตอนแรก โดยคาดว่าอาจฉุด GDP ไทยให้เติบโตต่ำกว่า 2% เล็กน้อย (เช่น จากคาดการณ์เดิม 2.5% เหลือ 1.7-1.9%) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายลงราว 2 ครั้ง เหลือ 1.50% ซึ่งจะช่วยให้ GDP ไทยยังประคองการเติบโตแถว 2% ได้
อย่างไรก็ตาม คุณประกิตย้ำว่า นี่คือ โอกาสสำคัญที่ประเทศไทยต้องปรับตัวครั้งใหญ่:
- เจรจาต่อรอง: ยังคงต้องพูดคุยกับสหรัฐฯ เพื่อยืนยันอัตราภาษีที่ 10% และแสวงหาเงื่อนไขที่ดีที่สุด
- ลดการพึ่งพาจีน: ทบทวนข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับจีน ซึ่งปัจจุบันไทยขาดดุลการค้าอยู่มาก และที่สำคัญคือ ต้องป้องกันไม่ให้ไทยกลายเป็น เส้นทางผ่าน (Bypass) ของสินค้าจีนที่จะส่งต่อไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เพราะมีความเสี่ยงที่ไทยจะถูกมาตรการกีดกันทางการค้าเช่นเดียวกับเวียดนาม
- ส่งเสริมการผลิตในประเทศ: สร้างโอกาสจากการที่ทั่วโลกอาจลดการนำเข้าสินค้าจากจีน โดยหันมาสนับสนุนอุตสาหกรรมและการผลิตสินค้า "Made in Thailand" จริงๆ (ไม่ใช่แค่โรงงานจีนที่มาตั้งฐานในไทย) เพื่อส่งออกทดแทนสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯ และตลาดอื่นๆ
"ถ้าเราไม่ได้พึ่งพาจีน และเราผลิตได้เอง เราก็ส่งสินค้าทดแทนจีนได้ รัฐบาลต้องฉลาดในเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสที่ต้องลดการพึ่งพาจีน และผลักดันให้เกิดการผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น" นายประกิตเน้นย้ำ
ตลาดหุ้นคลายกังวล แต่พื้นฐานยังไม่แกร่ง
การที่สถานการณ์ภาษีมีความชัดเจนขึ้นที่ระดับ 10% และไม่น่าจะรุนแรงอย่างที่กลัวในตอนแรก ทำให้ตลาดหุ้นไทยคลายความกังวลลง และไม่น่าจะปรับตัวลงแรงจากประเด็นนี้อีก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังไม่อยู่ในภาวะแข็งแกร่ง และการค้าโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยยังเป็นไปได้ยาก (ขึ้นยาก) โดยมองว่า SET Index จะเคลื่อนไหวเพื่อรักษาสมดุลเหนือระดับ 1,150 จุด
แนะกลยุทธ์ลงทุน: เล็งหุ้นนอก-จีนน่าเก็บ
ในภาวะเช่นนี้ คุณประกิตให้มุมมองการลงทุนที่น่าสนใจ ดังนี้:
- หุ้นสหรัฐฯ: แม้สหรัฐฯ จะได้ประโยชน์จากเกมนี้ในระยะยาว แต่เศรษฐกิจระยะสั้นยังมีความเสี่ยง อาจรอจังหวะตลาดปรับฐานก่อนเข้าลงทุน
- หุ้นเอเชีย (ไม่รวมจีน): น่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และอินเดีย ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและประเด็น Bypass น้อยกว่า
- หุ้นจีน: เริ่มน่าสนใจทยอยสะสม ("น่าเก็บได้แล้ว") เนื่องจากมองว่าสุดท้ายแล้วสหรัฐฯ และจีนจะต้องเจรจากัน อัตราภาษี 100% เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ("ตัวเลขโจ๊ก") และจีนเองก็ได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้รองรับแล้ว