จีนสวน Fed! คงดอกเบี้ยหลัก แม้เศรษฐกิจส่งสัญญาณอ่อนแรง

#จีน #ทันหุ้น - สำนักข่าว CNBC ได้ระบุว่า จีนคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้เป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
ตาม แถลงการณ์ของธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBOC) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (loan prime rate) ประเภทหนึ่งปีคงอยู่ที่ 3.0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยประเภทห้าปีคงอยู่ที่ 3.5% โดยอัตราประเภทหนึ่งปีส่งผลต่อสินเชื่อใหม่และสินเชื่อคงค้างส่วนใหญ่ ขณะที่อัตราประเภทห้าปีส่งผลต่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ธนาคารกลาง เคยปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลักลง 10 Basis Point ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของปักกิ่งในการพยุงเศรษฐกิจ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว PBOC ได้คงอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ระยะเจ็ดวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักไว้เช่นกัน หลังจากที่ Fed ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 Basis Point
อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเหล่านี้ ซึ่งปกติแล้วจะถูกเรียกเก็บจากลูกค้าชั้นดีของธนาคาร จะถูกคำนวณรายเดือนโดยอิงจากอัตราที่ธนาคารพาณิชย์ที่กำหนดไว้เสนอต่อ PBOC
การตัดสินใจเมื่อวันจันทร์สอดคล้องกับความคาดหวังของนักเศรษฐศาสตร์ที่ว่าทางการจีนจะชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญออกไปท่ามกลางตลาดหุ้นที่ฟื้นตัวเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจหลายชุดจะเน้นย้ำถึงสัญญาณความอ่อนล้าในระบบเศรษฐกิจก็ตาม
ดัชนี CSI 300 เปิดตลาดสูงขึ้นเมื่อวันจันทร์ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อย 0.24% ขณะที่เงินหยวนนอกประเทศแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.1161 เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนแย่ลงในเดือนสิงหาคม โดยมีตัวชี้วัดหลักหลายตัวที่พลาดเป้าหมาย ยอดค้าปลีกชะลอตัวลงเหลือ 3.4% ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากกำลังการบริโภคยังคงอ่อนแอ ขณะที่การเติบโตของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงเหลือ 5.2% ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
อีกสัญญาณของอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซาคือ ราคาผู้บริโภคของจีนลดลงมากกว่าที่คาดไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ภาวะเงินฝืดในราคาค้าส่งยังคงดำเนินต่อไปเกือบสามปี
การเติบโตของการส่งออกของประเทศชะลอตัวลงเหลือ 4.4% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากผลกระทบของการส่งสินค้าล่วงหน้าลดลง และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งผ่านสินค้าไปยังประเทศที่สามส่งผลกระทบต่อการส่งออก
ทีมงานนักเศรษฐศาสตร์ของ Barclays กล่าวว่าแรงผลักดันการเติบโตอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่สาม เนื่องจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนแย่ลง, การกระตุ้นทางการคลังของปักกิ่งจางหายไป และการปราบปรามกำลังการผลิตส่วนเกินทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง โดยพวกเขาระบุว่า “ตัวชี้วัดด้านที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมดแย่ลงไปอีก” ในเดือนสิงหาคม
โดยส่วนใหญ่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าผู้กำหนดนโยบายของจีนจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนบางส่วนในช่วงปลายปีนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตประจำปีของรัฐบาลที่ประมาณ 5%
“จุดเน้นของปักกิ่งเปลี่ยนจากการจัดการความเสี่ยงไปเป็นการกระตุ้นการเติบโต จากการทนต่อภาวะเงินฝืดไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ” หง เฮ่า หุ้นส่วนผู้จัดการและ CIO ที่ Lotus Asset Management กล่าว
“จีนมาถึงจุดที่ต้องหยุดการสะสมสินทรัพย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนด้วยหนี้ และเริ่มลดการลงทุนที่ไม่มีประสิทธิผล” เฮ่ากล่าว พร้อมคาดว่าจะมีการกระตุ้นนโยบายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
Barclays คาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของจีนจะเติบโต 4.5% ในปี 2025 โดยอ้างถึง “การชะลอตัวที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้” แม้ว่า “การสนับสนุนนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป” มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
ธนาคารคาดว่า PBOC จะลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ระยะเจ็ดวันและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 10 Basis Point ในไตรมาสที่สี่ พร้อมกับการลดอัตราส่วนเงินสำรอง (reserve requirement ratio) ซึ่งกำหนดว่าธนาคารต้องสำรองเงินสดไว้เท่าไหร่ ลง 50 Basis Point
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
