รีเซต

“วิทัย”ตั้งธงเร่งแก้หนี้ เดินหน้าโซเซียลAMC

“วิทัย”ตั้งธงเร่งแก้หนี้ เดินหน้าโซเซียลAMC
ทันหุ้น
14 ตุลาคม 2568 ( 07:30 )
62

#ธปท.  #ทันหุ้น – “วิทัย” ผู้ว่าการ ธปท. เผยเตรียมสรุปแนวทางแก้หนี้ครัวเรือนภายในตุลาคมนี้ ตั้งเป้าเริ่มต้นปี 2569

ใช้ SAM รับบท Social AMC ซื้อหนี้เสียต่ำกว่า 1 แสนบาท รวมกว่า 3 ล้านบัญชี ช่วยลูกหนี้ปรับโครงสร้างแบบผ่อนปรน หนุนสภาพคล่องระบบการเงิน-ตลาดหุ้นในประเทศเชิงบวก ด้านโบรกมองแผน Social AMC หนุนระบบการเงินคล่อง–หนุนกลุ่มแบงก์พื้นฐานดี ชู SCB-KTB เด่นปันผลสูง เชียร์ MTC ขาขึ้น

นายวิทัย  รัตนากร  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง แนวนโยบายการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ว่า ธปท.อยู่ระหว่างหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง, สมาคมธนาคารไทย, บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ทั้ง SAM และ BAM รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินงานภายในเดือนตุลาคม 2568 นี้ จากนั้นจะนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง และบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน คาดว่าจะสามารถดำเนินงานเป็นรูปธรรมได้ในช่วงต้นปี 2569

โดยการดำเนินงานจะแบ่งเป็น 2 เฟส  ซึ่งเฟสที่ 1 จะให้ SAM ทำหน้าที่ “Social AMC” เข้ามาดูดซับหนี้เสีย (NPL) มูลค่าต่ำกว่า 1 แสนบาท จาก 1.ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีอยู่ราว 7 แสนบัญชี 2.Non Bank ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธพ. ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีอยู่ราว 8 แสนบัญชี  และ 3.สถาบันการเงินของรัฐบาล (SFI) ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีอยู่ราว 8 แสนบัญชี มาปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้ ส่วนเฟสที่ 2 จะมุ่งแก้ปัญหา NPL ของกลุ่ม Non Bank Finance ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน

สำหรับแหล่งเงินทุนในการซื้อ NPL จะนำเงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่ปรับลดอัตรานำส่งของสถาบันการเงินชั่วคราวจาก 0.46% เหลือ 0.23% และวงเงินส่วนหนึ่งที่ธนาคารพาณิชย์ร่วมกันสมทบเข้ามา โดยจะไม่ของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐแต่อย่างใด

*ย้ำอัตราดอกเบี้ยเหมาะสม

ทั้งนี้ ทิศทางนโยบายสำคัญ (Policy Priorities) ที่จะดำเนินงานในระยะต่อไป ได้แก่ 1.การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินให้พร้อมรองรับโลกยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว เช่น ระบบ Your Data และการพัฒนาระบบ Digital Payment ที่ปลอดภัยและยืดหยุ่น  2.การเปิดทางให้เกิด Virtual Bank เพื่อเพิ่มการแข่งขันและขยายบริการทางการเงินให้ครอบคลุมกลุ่มประชาชนมากขึ้น

และ 3.การส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่ออย่างเป็นธรรม ทั้งผ่านกลไกค้ำประกันเครดิตที่มีประสิทธิภาพ และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-Based Pricing) โดยย้ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี ยังมีความยืดหยุ่นพอที่จะปรับลดได้อีก ซึ่งการดำเนินนโยบายจะต้องดูจังหวะและเวลาที่เหมาะสม

*AMC เสริมศักยภาพ

                นายธนเดช รังษีธนานนท์  Director of Research บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุ แนวทางการใช้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Comp any : AMC) เข้ามาดูดซับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ออกจากระบบสถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์ และ Non Bank เป็นแนวทางที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบสถาบันการเงิน จากการลดภาระการตั้งสำรองหนี้สูญ หรือ การตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน “งบดุล” รวมถึงภาพรวมสินทรัพย์มีคุณภาพดีขึ้น

                อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามผลการเจรจาส่วนแบ่งทั้งผลกำไร (Profit Sharing) และผลขาดทุน (Loss Sharing) จากการบริหารจัดการ NPL ดังกล่าวระหว่างสถาบันการเงิน กับ AMC ที่จะเข้ามาดำเนินงาน

 “การโอนย้ายหนี้เสียออกไปจากงบดุลของแบงก์ หรือนอนแบงก์ย่อมส่งผลดี แต่โดยพื้นฐานของการปรับโครงสร้างหนี้ให้เอื้อต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้ มักจะไม่ได้กำไร หรือกำไรน้อยจึงต้องติดตามผลการเจรจาว่าจะออกมารูปแบบไหน ทำได้จริงแค่ไหน”

*ลดดอกเบี้ยไม่ใช่ทางออก

                สำหรับแนวทางการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตนั้น นายธนเดช ย้ำว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำแม้จะส่งผลดีต่อกลุ่มที่มีภาระหนี้สิน และผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อ แต่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ออมเงินโดยตรง เนื่องจากผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจแต่ละช่วง จะเป็นกลไกสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

                เบื้องต้นประเมินภาพรวมกลุ่มธนาคารพาณิชย์ “เป็นกลาง” โดยประเมินกำไรสุทธิกลุ่มทั้งปี 2568 เพิ่มขึ้นราว 2% YoY และจะปรับตัวลดลง 2% YoY ในปี 2569 อย่าไรก็ตามกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีความน่าสนใจในฐานะ “หุ้นปันผล” Top pick คือ SCB ราคาเหมาะสม 146 บาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผล 8% และ KTB ราคาเหมาะสม 28 บาท คาดอัตราเงินปันผล 6.3% 

 สำหรับกลุ่ม Non Bank มีมุมมองเป็น “บวก” จากโอกาสการเติบโตพอร์ตสินเชื่อ  ต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำลง  และโอกาสลดการตั้งสำรองความเสี่ยง ให้ MTC เป็นหุ้นเด่นราคาเหมาะสม 45 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง