รีเซต

DELTA ชูคลื่นลูกใหญ่ ปรับทัพเร็วคว้าโอกาส

DELTA ชูคลื่นลูกใหญ่ ปรับทัพเร็วคว้าโอกาส
ทันหุ้น
14 ตุลาคม 2568 ( 01:00 )
30

            นายแจ็คกี้ จาง ประธานฝ่ายบริหารและปฏิบัติการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ถึงทิศทางและกลยุทธ์ของบริษัทในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะการจับมือกันของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดระดับโลก

ทั้งการที่ Nvidia ได้ประกาศเจตนาลงทุนสูงสุดถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการสร้าง Data Center ขนาดมหึมาถึง 10 กิกะวัตต์ ตลอดจนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน Intel

            ขณะเดียวกัน OpenAI ได้ทำข้อตกลงกับ AMD คู่แข่งของ Nvidia เพื่อใช้งานชิป Instinct MI450 Series ขนาด 6 กิกะวัตต์ พร้อมเงื่อนไขให้ OpenAI สามารถถือหุ้น AMD ได้สูงสุด 10%

            นายแจ็คกี้ จาง เน้นย้ำว่า เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้ว่า คลื่นลูกใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังจะมา และการลงทุนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้นในเทคโนโลยี ซึ่งไม่ว่าใครจะจับมือกัน ต่างก็เป็นลูกค้า DELTA ได้ทั้งสิ้น บริษัทมีความตั้งใจที่จะครอบคลุมผู้เล่นรายใหญ่ส่วนใหญ่ในตลาด โดยไม่ได้เจาะจงที่จะยึดติดกับรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ

            “ผู้เล่นทุกคนล้วนมีความสำคัญสำหรับเรา” นายจางกล่าว พร้อมระบุว่า แนวทางของ DELTA คือการมุ่งไปยังทิศทางที่มองเห็นถึง ศักยภาพทางธุรกิจ และพยายามหาโอกาสในการเพิ่มความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

            ด้วยกลยุทธ์นี้ ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าการพัฒนาหรือการร่วมมือกันในอุตสาหกรรม เช่น กรณีที่ Open AI เข้าซื้อ ผลิตภัณฑ์จาก AMD จะไม่กลายเป็นปัญหาสำหรับ DELTA แต่อย่างใด

            ส่วน DELTA จะต้องมีการการปรับแผนเพื่อรองรับเมกะเทรนด์ที่กำลังจะมาถึงหรือไม่ นายจาง ยอมรับว่า  ในหลักการแล้ว DELTA จำเป็นต้องดำเนินการแอกชั่นให้เร็วขึ้น และรวมถึงต้องเคลื่อนไหวองค์กร ผลิตภัณฑ์และการบริการให้เร็วยิ่งขึ้นตามโอกาสที่เข้ามา

            “เมื่อคลื่นมา ผู้ที่วิ่งเร็วและดำเนินการได้รวดเร็วกว่าจะได้รับธุรกิจมากขึ้น” นายจางกล่าว

            ปัจจุบัน DELTA อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมพร้อมตัวเองให้ดีเพื่อให้มั่นใจว่า หากมีโอกาสทางธุรกิจมาถึง บริษัทจะสามารถ ปรับตัวให้เร็วขึ้น และคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ได้ทันท่วงที

            ด้านนายนภนต์  ใจแสน รองผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง หรือ BLS ระบุกับ “ทันหุ้น” ว่า หุ้น DELTA ได้ปรับลดลงแรงจากการถูกตลาดหลักทรัพย์นำเข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย หรือ Trading Alert List ระดับ 1 โดยมีผลถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568  หลังจากราคาหุ้น DELTA ได้ปรับขึ้นมาเกือบ 30% ตั้งแต่ BLS ปรับคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ซื้อเก็งกำไร” เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568

ดังนั้น คาดว่าหุ้นจะพักฐานในระยะสั้น แต่ยังคงกลยุทธ์เดิมคือ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เนื่องจาก DELTA เป็นหุ้นไทยตัวเดียวที่ถือเป็น ตัวแทนหุ้น AI หนึ่งเดียวของไทย ที่ผ่านมา DELTA เคยถูกมาตรการกำกับดูแลถึง 10 ครั้ง แบ่งเป็นระดับ 1 จำนวน 8 ครั้ง และระดับ 2 จำนวน 2 ครั้ง โดยรอบที่ราคาลดลงมี 8 ครั้ง โดยเฉลี่ยลดลง -15% รอบที่ราคาเพิ่มขึ้นมี 2 ครั้ง โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +3%                    

ซึ่งในการเข้ามาตรการกำกับซื้อขายนั้นช่วงปี 2566  DELTA ได้รายงานกำไรทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 2–3/2566 ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อได้แม้ถูกกำกับดูแล และราคากลับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่หลังพ้นมาตรการ

คาดว่า DELTA จะรายงานกำไรทำสถิติใหม่อีกครั้งในไตรมาส 3/2568 โดยจะประกาศงบ คืนวันที่ 24 ตุลาคม หากกำไรเป็นไปตามคาด ก็อาจจะคล้ายกับช่วงปี 2566 ที่หุ้นสามารถกลับมาปรับขึ้นได้หลังพ้นมาตรการในวันที่ 30 ตุลาคม แต่ก็มองว่าจะไปไม่ได้สูงกว่าจุดสูงสุดเดิมมากนัก เพราะพี/อี  ย้อนหลัง 4 ไตรมาส สูงถึง 135 เท่าแล้ว ซึ่งตลาดก็จะจับตาผลงานในช่วงของไตรมาส 4/2568 ซึ่งหากออมาสูงมากจะดี เพราะจะเทียบกับฐานต่ำกำไรเพียงแค่ที่ 2,155 ล้านบาทเท่านั้น  

“การฟื้นตัวต่อไปยังต้องอาศัยแรงหนุนจาก กำไรที่เกินคาดมากกว่า”

อย่างไรก็ตามหากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาต่ำกว่าคาด หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มความเข้มงวด (เช่น ไปยังระดับ 2 หรือขยายเวลาระดับ 1) การฟื้นตัวอาจจบเร็วกว่าที่คาด ซึ่งในกรณีที่การฟื้นตัวจบเร็ว DELTA อาจถอยกลับไปซื้อขายที่ PER ใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ประมาณ 55 เท่า ซึ่งเทียบเท่ากับราคาหุ้นประมาณ 125 บาท  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง