MASTER สตอรี่เพียบ! จับตา Q3/66 รายได้-กำไรนิวไฮ
บล.หยวนต้า ส่องหุ้น MASTER ประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ มีมุมมองเชิงบวกแนวโน้ม Q3/66 คาดทำ New high ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรสุทธิ
โดยคาดรายได้ที่ระดับสูงกว่า 500 ลบ. ขึ้นไป หลังเปิดห้องผ่าตัด(OR) ใหม่อีก 10 ห้องเป็น 17 ห้อง ทำให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้นและการเปิดประเทศทำให้สามารถรองรับลูกค้าต่างชาติในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ได้ สัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติใน Q2/66 อยู่ที่ 23% แม้ว่าจะมีสัดส่วนเพียง 13% ในแง่ของจำนวนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกใน Q3/66 รายได้กลุ่มสุขภาพเพศชายและตาเติบโตสูง ทำให้มีการเปิดห้อง OR เล็กเพิ่มเติมอีก 4 ห้องเพื่อรองรับ 2 หัตถการนี้โดยเฉพาะอยู่นอกเหนือแผน 17 ห้องเดิม และมีรายได้ผ่านช่องทางของ Wind clinic เพิ่มขึ้น
ส่วนของ GPM คาดทรงตัวได้แม้ว่าจะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากการเปิดอาคารใหม่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดต่อรายได้คาดลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด และมีรายได้มากขึ้น คาดกำไรสุทธิเบื้องต้นทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 100 ลบ. ขึ้นไปใน Q3/66
ขณะที่ Q4/66 คาดว่าจะทำ New high ต่อเนื่องจากผลของฤดูกาล คาดว่าจะเริ่มมีรายได้ส่วนเพิ่มจากการให้ Rattinan เช่าห้องผ่าตัดสำหรับหัตถการเย็บกระเพาะ ขณะที่จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากที่ถือ 40% ใน Wind clinic และ Kin คาดที่ 15 – 20 ลบ. ทำให้กำไรทั้งปีคาดว่าจะยังอยู่ในกรอบประมาณการของฝ่ายวิจัย
นอกจากนี้ Wind clinic คาดว่าจะได้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงพยาบาลในช่วง Q1/67 ซึ่งมีแผนจะสร้างห้อง OR อีก 4 ห้องเพื่อรองรับการให้บริการศัลยกรรมใหญ่ในพื้นที่ จ. อุบลราชธานีเพื่อรองรับความต้องการของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรายได้ต่อ 1 หัตถการสูงกว่าใน กทม. โดย MASTER จะส่งหมอที่เชี่ยวชาญไปให้บริการ เสมือนว่า MASTER ได้ห้อง OR ใหม่เพิ่มอีก 4 ห้อง
ส่วนของ Dr. Chen และ Rattinan อยู่ระหว่างการเปิดโรงพยาบาลใหม่ใน กทม. ซึ่งการซื้อขายหุ้นและการรับรู้ผลการดำเนินงานจะเกิดขึ้นเมื่อทั้ง 2 บริษัทเริ่มมีกำไรแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเป็นปี 2568
บริษัทมองว่ายังมีโอกาสที่จะเจรจาดีล M&A ได้สำเร็จเพิ่มเติมในปีนี้อีก 2 – 3 ดีล ซึ่งจะเป็นบริการใหม่ที่ในกลุ่มยังไม่มี
ขณะที่ Kin จะมาช่วยให้การทำการตลาดของทั้งกลุ่มมีต้นทุนที่ถูกลง ขณะที่ Kin ก็มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลมายังส่วนแบ่งกำไรให้ MASTER อีกทางหนึ่ง (คาด Kin จะมีกำไรในปี 2566 ที่ 120 – 150 ลบ.) และบริการของทั้งกลุ่มจะช่วยให้เกิด Economy of scale ในเรื่องของเวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จะมีต้นทุนต่ำลงจากคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ และการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และบุคลากรระหว่างกัน คาดเริ่มเห็นผลใน Q4/66 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 – 2567 ไว้ที่ 445 ลบ. และ 572 ลบ. เติบโต 47.7% YoY และ 28.5% YoY ตามลำดับ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายสิ้นปี Q2/67 อยู่ที่ 106.00 บาท
อย่างไรก็ตามด้วยภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูง ฝ่ายวิจัยอาจปรับลดระดับ PER ในการประเมินมูลค่าลงจาก 50 เท่า เป็น 40 เท่า จะทำให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ลดลงอยู่ที่ 95 บาท+/- และหากรวมผลจากหุ้นปันผล 10:1 จะอยู่ที่ 86 บาท+/-