TOPส่งซิกค่ากลั่นพุ่งเท่าตัว ราคาน้ำมันดันผลงานไปต่อ
ทันหุ้น - TOP ส่งซิกQ4/2564 ผลงานทะยานต่อเนื่องจาก Q3/2564 หลังค่ากลั่นพุ่งเกือบเท่าตัว-ดีมานด์สดใส แถมมองปี 2565 ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ดี รับปัจจัยหนุนจากความต้องการโลกฟื้นตัวเด่น พร้อมเร่งปรับโครงสร้างการเงิน หวังลด D/E ปีหน้าให้อยู่ราว 1.0 เท่า
นายณัฐพล นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ผลงานในไตรมาส 4/2564 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากช่วงไตรมาส 3/2564 เนื่องจากแนวโน้มค่าการกลั่น (GRM) ขยับสูงขึ้นค่อนข้างมาก หลังทิศทางค่าการกลั่นอยู่เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาส 3/2564 ที่ราว 3.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อีกทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลมาจากคลายล็อกดาวน์สถานการณ์ในส่วนต่างๆ ส่งผลให้น้ำมันอากาศยาน (JET) และดีเซลเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
ราคาน้ำมันพุ่งต่อ
"แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือปี 2564 มองว่ายังดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาก๊าซปรับขึ้นมากกว่าราคาน้ำมัน ทำให้มีการคาดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 500,000 แสนบาร์เรลต่อวัน และเพิ่มขึ้นไปถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังโควิดเริ่มดีขึ้น"
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 มองแนวโน้มความต้องการทุกผลิตภัณฑ์จะขยายตัว โดยประเมินว่ากลุ่มน้ำมันเบนซินและดีเซลคงขยับเพิ่มราว 5-8% จาก2564 ส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) มองคงเติบโตราว 40% จากปี2564 ผลมาจากการปลดล็อกเรื่องการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือ จากน้ำมันเตาที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ทาง TOP มีแนวทางจะปรับปรุงโครงสร้างของต้นทุนทางการเงินให้ดียิ่งขึ้น หวังช่วยลดตัวเลขอัตราส่วนหนี้สิน (D/E) ในปี2565 ให้ปรับลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.0 เท่า จากปัจจุบันที่มากกว่า 1 เท่า เพื่อสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้ดีขึ้น
กำไรเด่นเป้า 63 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นTOP หลังบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีกำไรในไตรมาส3/2564 เติบโต 38.3% จากช่วงไตรมาส2/2564 โดยปัจจัยจากการเติบโตมาจากแรงหนุนหลักจากธุรกิจโรงกลั่นที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นเริ่มอ่อนตัวลง จากปริมาณผลิตภัณฑ์ (Supply) ใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาด และต้นทุน feedstock ที่มีแนวโน้มขยับขึ้น
ขณะที่แนวโน้มภาพรวมของTOP ในช่วงที่เหลือปี 2564 โดยทางฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรปกติงวดไตรมาส4/2564 จะดีขึ้นต่อเนื่อง และน่าจะขึ้นทำระดับสูงสุดของปี2564 ประกอบกันยังช่วงเข้าสู่ฤดูกาลขาย ( High Season) ของในกลุ่มโรงกลั่น เพราะเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวในประเทศต่างๆ
ดีมานด์หนุนธุรกิจ
พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังประเมินแนวโน้มคาดความต้องการใช้น้ำมันจากการเดินทางจะค่อยๆ กลับมาหลัง COVID ผ่อนคลายลง ซึ่งน่าจะกลายเป็นผลดีต่อภาพรวมธุรกิจของ TOP ในอนาคต ตลอดจนสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจของ TOP ที่จะดีขึ้นสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น จึงทำให้ทางฝ่ายวิเคราะห์ปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2565 เท่ากับ 63 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ จากช่วงฤดูกาลของโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ของทุกปี อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ COVID ที่ผ่อนคลาย การเดินทางทยอยกลับสู่ภาวะปกติ ดังนั้นแนะนำหาจังหวะทยอย “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว”