ลุงจรรฯ อุทิศตนกว่า 40 ปี อนุรักษ์ป่าผืนสุดท้าย หวังให้เป็นมรดกแก่เยาวชนรุ่นหลัง
สงขลา – สะเดา “ ลุงจรร” ชาวบ้านนักอนุรักษ์ป่าในตำบลทุ่งหมอ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา อุทิศตนพิทักษ์สัตว์และพันธุ์พืชในผืนป่ากว่า 12 ไร่ มานานนับ 40 ปี ไม่ตัดไม่ขายหวังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และส่งต่อเป็นมรดกของลูกหลาน เยาวชนรุ่นหลัง เผยมีความสุข ความภูมิใจ พร้อมจะดูแลต่อไปจวบจนตลอดชีวิต ( มีคลิป )
นายจรรยา กล้าใจ หรือลุงจรร อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 / 1 หมู่ 3 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา บอกว่าตนเองได้อนุรักษ์และดูแลผืนป่าแห่งนี้ในเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่เศษ พื้นที่ ม. 2 ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งบริเวณพื้นที่โดยรอบได้ถูกแผ้วถาง และปลูกสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นมรดกของพ่อภรรยา ยกให้เมื่อประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนรักธรรมชาติ รักป่า รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจจึงทำการดูแลป่าผืนนี้ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ซึ่งมีพันธุ์ไม้ต่างๆเช่น ไม้พะยอม ไม้เมา ไม้พะวา ไม้งาใส ต้นกะพ้อ ต้นพิกุลป่า และหวายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงได้เขียนป้ายขอความร่วมมือไม่ให้ล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้ด้วย
ป่าผืนนี้น่าจะมีอายุกว่า 100 ปีเพราะตั้งแต่ลุงจำความได้ ก็เห็นป่านี้มีอยู่แล้ว แต่ต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากนักต้นใหญ่ๆก็ขนาดประมาณ 2 คนโอบ ซึ่งรวมๆก็ประมาณ 200 -300 ต้น เมื่อตอนที่ลุงเริ่มเข้ามาดูแลใหม่ๆเพื่อนบ้านหลายคนพากันหัวเราะ พร้อมทั้งบอกว่าจะอนุรักษ์ไปทำไม แต่ลุงไม่สนใจ เพราะมีความชอบเป็นการส่วนตัวและมีความสุข เกิดเป็นความภาคภูมิใจเป็นที่สุดที่รักษาผืนป่าไว้ได้
ซึ่งคงจะมีเพียงไม่กี่แห่งหรืออาจเป็นป่าผืนสุดท้ายที่ยังมีเหลืออยู่ในหมู่บ้าน หรือใกล้เคียง “ลุงยืนยันว่าป่าแห่งนี้จะไม่มีการตัดหรือขายไม้อย่างเด็ดขาด แม้จะเคยมีคนมาขอซื้อก็ตาม เพราะตั้งใจไว้ว่าจะให้อยู่เป็นสมบัติตกทอดถึงชั้นลูกหลาน ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกกระรอก ไก่ป่า นกต่างๆ แม้นเราจะตายไปป่าก็ยังคงอยู่ “
สมัยก่อนก็มีคนมาลักลอบตัดไม้และหาของป่าบ้าง แต่ปัจจุบันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลงเนื่องจากมีการรณรงค์เกี่ยวกับการรักษาป่า ให้ทุกคนได้เห็นประโยชน์ของป่า อยากจะให้เยาวชนหรือคนรุ่นใหม่ๆได้เห็นความสำคัญ เนื่องจากผืนป่าในบ้านเราลดน้อยลงไปทุกปี
ในส่วนของลุงได้ปลูกป่าเพิ่มอีกกว่า 10ไร่ ในเนื้อที่ของตัวเองประกอบด้วยต้นกันเกรา ต้นพะยอม ต้นพะยูง ต้นสัก ซึ่งหวังเพิ่มเป็นป่าผืนใหม่ และอนาคตมีความคิดจะปรับปรุงทำเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แก่ผู้ที่สนใจ ได้มาเที่ยวชมผืนป่าแห่งนี้ต่อไป