รัฐสวัสดิการไทย: เป้าหมาย 10 ปี? ร่วมมือทุกภาคส่วน ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคง
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาโครงสร้างประชากรที่สูงวัยและการขาดแคลนกำลังแรงงาน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ให้ความเห็นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูประบบสวัสดิการและสร้างฐานรายได้ใหม่ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงวิกฤติการคลังในอนาคต
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นโยบายประชานิยมและการเพิ่มสวัสดิการสังคมของพรรคการเมือง ที่ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจอย่างเพียงพอ ทั้งที่รายจ่ายด้านสวัสดิการจะเพิ่มขึ้นทุกปีตามโครงสร้างสังคมสูงวัยและอัตราการเกิดต่ำ หากไม่ปรับปรุงให้ระบบสวัสดิการมีความยั่งยืนทางการเงิน ประเทศไทยอาจตกอยู่ใน ‘กับดักประชานิยมสวัสดิการ’ ได้ในอนาคต
การปฏิรูประบบการเงินและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการเติบโต
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายอนุสรณ์ เสนอว่าควรมีการปรับปรุงนโยบายการเงินและระบบสถาบันการเงิน เนื่องจากปัจจุบันระบบสถาบันการเงินไทยมีเงินฝากจำนวนมากแต่อัตราสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ครัวเรือนที่มีศักยภาพและธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่อัตราการใช้กำลังผลิตต่ำและประสิทธิภาพการผลิตโดยรวมที่ลดลง
การปฏิรูประบบการเงิน ให้สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและครัวเรือนได้ดีขึ้น จะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ โดยรัฐบาลควรมีนโยบายที่เหมาะสมทั้งเชิงรับและเชิงรุก ในการสนับสนุนการวิจัยพัฒนา ลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ ส่งเสริม SMEs และปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น
นโยบายค่าแรงและการสร้างระบบรัฐสวัสดิการ
นอกจากการปฏิรูประบบการเงินและส่งเสริมนวัตกรรมแล้ว นายอนุสรณ์ ยังให้ความเห็นว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้แรงงานส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมที่อยู่นอกระบบคุ้มครองค่าแรงหลุดพ้นจากความยากจนได้ รัฐบาลจึงควรมีนโยบายที่ช่วยยกระดับรายได้ของแรงงานทุกกลุ่มทั้งในและนอกระบบ หากต้องการให้ประเทศก้าวไปสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว
รัฐสวัสดิการไทย: เป้าหมาย 10 ปี?
รัฐสวัสดิการ (Welfare State) คือการที่รัฐหรือองค์กรทางสังคมคุ้มครองและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ตามหลักความเสมอภาค การกระจายความมั่งคั่งอย่างเป็นธรรม และความรับผิดชอบต่อสาธารณะ โดยจัดสรรเงินจากการเก็บภาษีแบบก้าวหน้า ไปสู่บริการสาธารณะและช่วยเหลือประชาชนโดยตรง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้
อย่างไรก็ตาม การสร้างระบบรัฐสวัสดิการแบบยุโรป ที่รัฐบาลใหม่ตั้งเป้าไว้นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องใช้เวลา เนื่องจากต้องอาศัยระบบราชการขนาดใหญ่ที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไทยจำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ควบคู่ไปกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ต้องปฏิรูประบบภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ภาครัฐจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้ภาษีต่อ GDP ต่ำเพียง 14% ให้เข้าใกล้ระดับ 42-48.9% ของประเทศสแกนดิเนเวีย และต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคมให้มีสัดส่วนสูงขึ้นทั้งเทียบกับ GDP และงบประมาณอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี จึงจะบรรลุเป้าหมายการมีระบบรัฐสวัสดิการที่มีมาตรฐาน
สรุป
การเตรียมความพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางการคลังในอนาคตจากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายสวัสดิการ ปัญหาสังคมสูงวัย และเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐบาลจึงควรเร่งปฏิรูประบบสวัสดิการและสร้างฐานรายได้ใหม่ ผ่านการปรับปรุงนโยบายการเงิน ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม ยกระดับค่าแรงและรายได้แรงงานทุกกลุ่ม ปฏิรูประบบราชการ ปรับโครงสร้างภาษี และทยอยเพิ่มค่าใช้จ่ายสวัสดิการ เพื่อวางรากฐานไปสู่ระบบรัฐสวัสดิการที่มีความยั่งยืนในระยะยาว
การดำเนินนโยบายดังกล่าวอย่างบูรณาการและสอดประสานกัน จะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลกได้อย่างมั่นคงต่อไป
ภาพ : Getty Images