ส่องชาติอาเซียน รับมือภาษีทรัมป์ “เวียดนาม”เร่งเจาะตลาดส่งออกใหม่ "มาเลเซีย"ไม่ตอบโต้เดินหน้าเจรจา

“เวียดนาม” เตรียมออกมาตรการรับมือภาษีทรัมป์ ปรับยุทธศาสตร์ส่งออกใหม่ หลังถูกสหรัฐเก็บภาษี 20%

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ฟาน ถิ ทั้ง (Phan Thi Thang) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า กล่าวในการประชุมด้านการลงทุนที่กรุงฮานอยว่า เวียดนามเตรียมออกมาตรการเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ  พร้อมทั้งเร่งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ  เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ  ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ากำลังประสานงานกับภาคธุรกิจเพื่อจัดทำมาตรการดังกล่าว โดยเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งนำไปสู่การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตรา 20% และเก็บภาษี 40% กับสินค้าที่ส่งผ่านเวียดนามจากประเทศที่สาม (transshipment)

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม กล่าวว่า มาตรการภาษีครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้เวียดนามพัฒนาคุณภาพสินค้าและกระจายตลาดส่งออก โดยมุ่งเน้นตลาดที่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนามเป็นหลัก ด้วยข้อตกลงการค้าเสรี 16 ฉบับ เวียดนามกำลังขยายตลาดส่งออกเพื่อไม่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากเกินไป

ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเวียดนามเติบโต 7.96% ในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นจาก 6.93% ในไตรมาสแรก แต่ยังไม่ถึงเป้าหมายการเติบโตตลอดปีที่อย่างน้อย 8%

ด้าน ฝั่ม มิญ จิ๊ญ  (Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวในการประชุมแยกอีกแห่งเมื่อวันพุธว่า การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่

“มาเลเซีย” ยืนยันไม่มีแผนตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ 25% พร้อมเดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้า

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตวน ตงกู ซาฟรูล อะซีซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของมาเลเซีย กล่าวเมื่อวันพุธว่า มาเลเซียไม่มีแผนจะตอบโต้ จากการที่สหรัฐฯ จากการถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากมาเลเซียในอัตรา 25% และยังคงมองโลกในแง่ดีว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ทันเส้นตาย 1 สิงหาคม 2568 

ซาฟรูล กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ในเวที Reuters NEXT Asia Summit ที่ประเทศสิงคโปร์ว่า มาเลเซียยังมีเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ในการเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้ายของข้อตกลง

พร้อมระบุว่าเขาเพิ่งพูดคุยกับ USTR (สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ) เมื่อวานนี้ และตกลงร่วมกันว่าเรายังสามารถเดินหน้าเจรจาต่อไปได้ ดังนั้นเรายังมีเวลา และเรารู้สึกขอบคุณที่เส้นตายถูกขยายออกไปถึงวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งช่วยให้เขามีเวลาปรับรายละเอียดการเจรจาเพิ่มเติมได้บ้าง

ซาฟรูลกล่าวว่า เขายังคงมองโลกในแง่ดี โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ผมมองว่าเป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

มาเลเซีย เป็นผู้ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์รายสำคัญ ถูกสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีเป็น 25% สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าอัตรา 24% ที่เคยประกาศขู่ไว้ในเดือนเมษายน 2568  ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศหยุดการบังคับใช้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน

ทั้งนี้มาเลเซียและอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ เนื่องจากเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้มีมูลค่ารวมกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ และพึ่งพาการส่งออกและภาคการผลิตเป็นหลัก โดยบางส่วนได้ประโยชน์จากการที่ห่วงโซ่อุปทานย้ายออกจากจีน