รีเซต

SAPPE ได้ไปต่อ! โบรกฯ อัพเป้าใหม่ 117 บ. คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 39%

SAPPE ได้ไปต่อ! โบรกฯ อัพเป้าใหม่ 117 บ. คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 39%
ทันหุ้น
15 สิงหาคม 2566 ( 18:07 )
3
SAPPE ได้ไปต่อ! โบรกฯ อัพเป้าใหม่ 117 บ. คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 39%

บล.ทิสโก้ ส่องหุ้น SAPPE แนวโน้มการส่งออกยังเติบโตต่อเนื่องจากการทำการตลาดใหม่ๆ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก 1) กำไรสุทธิ Q2/66 เพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่สูงสุดจากยอดขายส่งออกเติบโตเป็นหลัก 2) คาดแนวโน้ม Q3/66F ยอดส่งออกยังเติบโตทำ new high ทั้งเอเชียและยุโรปจากการมุ่งเน้นทำการตลาดโดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อิสราเอล ฝรั่งเศส เข้าถึงตลาด modern trade (MT) และ tradition trade (TT) มากขึ้น ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น คาดแนวโน้มกำไรสุทธิยังเติบโตได้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 39% (CAGR3y) เป้าหมายใหม่อยู่ที่ 117 บาท

 

 

โอกาสขยายตลาดกลุ่มเครื่องดื่ม Aloe Vera ในยุโรป หลังหยุดธุรกิจบ.ย่อย

บริษัทประกาศจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย Sappee Europe s.r.o. ซึ่งถือหุ้น 60% มูลค่า 152.5 ล้านบาท ซึ่งมีผลให้บริษัทย่อยนั้นสิ้นสภาพการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการจำหน่ายชิ้นเนื้อ Aloe Vera ให้กับบริษัทย่อย ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถขยายตลาดเครื่องดื่ม Aloe Vera ให้ Europe ได้ สำหรับผลประกอบการในบริษัทย่อยนี้ มีสัดส่วนรายได้เล็กน้อยปีละประมาณ 20 ล้านบาท อัตราทำกำไรสุทธิประมาณ 1% จึงไม่มีผลต่อผลประกอบกับหลังจากไม่ได้รวมในงบการเงินรวม (deconsolidation) ดังนั้นหลังจากการยุติของบริษัทย่อยแล้ว บริษัทจะมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้นจากการสามารถผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม Aloe Vera ในกลุ่ม Europe ได้ โดยมีผลตั้งแต่ Q3/66 และคาดจะเริ่มทำการตลาดเครื่องดื่ม Aloe Vera ในปีหน้าได้

 

กำไรสุทธิ Q2/66 เติบโต YoY และ QoQ จากการขยายตลาดส่งออกเติบโต 

SAPPE ประกาศกำไรสุทธิ 2Q23 ที่ 312 ล้านบาท (+87%YoY, +14%QoQ)เป็นไปตามคาด ยอดขายส่งออกเติบโตเป็นหลักส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รายได้รวมอยู่ที่ 1,657 ล้านบาท (+34%YoY และ +9%QoQ) จาก 1) ยอดขายในเพิ่มขึ้น +8% YoY แต่ลดลง -4 %QoQเนื่องจากการเลื่อนรับสินค้าบริษัทมีการออกสินค้าใหม่ 7 SKU ได้แก่กลุ่มบิวตริดริ้ง 2 SKU, เครื่องดื่ม B’lue 2 รสชาติ ได้แก่ ยูซุ-แตงโต และพีช-บ๊วย, เครื่องดื่มกลุ่ม CBD 2 SKU และกุมิกุมิ เยลลี่ 1 SKU  2)ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 41% YoY และ 12%QoQ จากการทำการตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 78% และค่าใช้จ่ายการขายลดลงจากการบริการขนส่งทางเรือให้ลูกค้าลดลงหลังสถานการณ์เริ่มกลับมาปกติหลัง Covid-19 ผ่อนคลาย 

 

 

ปรับประมาณการเพิ่มขึ้นการส่งออกโตเด่น คาดกำไรโตเฉลี่ย 39% (CAGR3Y)

แนวโน้มผลประกอบการ Q3/66F ยังเติบโตต่อเนื่องจากทั้งในประเทศและส่งออกจากการทำการตลาดและสินค้าใหม่ปีนี้ รวม 20 รายการ และคาด Q4 จะอ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 2566-67F เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% และ 18% คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,146 ล้านบาท (+75% YoY) และ 1,415 ล้านบาท (+24% YoY) ตามลำดับ จากคาดการส่งออกปีนี้เติบโตแรง จากการส่งออกกว่า 98 ประเทศทั่วโลก ขยายตลาดใน Modern Trade และ Traditional trade รวมถึงออนไลน์ โดยเฉพาะทวีปยุโรปมากขึ้น สำหรับในประเทศคาดเติบโต 15% และ 10% ตามลำดับ จากการทำการตลาดออกสินค้าใหม่ 

 

ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ  “ซื้อ” คาดแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากการทำตลาดและพัฒนาสินค้าใหม่ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 117 บาท จากเดิม 97 บาท อ้างอิง PER+0.5STD เฉลี่ยที่ 31X จากโอกาสการเติบโตของตลาดส่งออกที่ยังมีอีกมาก และเทียบเท่า PEG 0.8X (eps growth = 39% (CAGR3Y) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PER23F อยู่ที่ 24.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 30x, คาด Dividend Yield 66F อยู่ที่ 3.1% ROE 66F อยู่ที่ 31.9% มากกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 20.2% ฐานะการเงินแข็งแกร่ง D/E เพียง 0.3X ความเสี่ยง : เศรษฐกิจและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง