วัณโรคปอด! หมอมนูญ ยกเคสผู้ป่วยปกติแข็งแรงดี ไม่ทราบรับเชื้อจากใคร
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ วัณโรค
โดยระบุว่า ผู้ป่วยชายอายุ 39 ปี บ้านอยู่ กทม. มีไข้ ไอมีเสมหะ 1 สัปดาห์ ไม่มีไอเป็นเลือด ไม่เจ็บหน้าอก เหนื่อยบ้าง ไม่เบื่ออาหาร ไม่มีเหงื่อออกกลางคืน น้ำหนักไม่ลด ไม่เคยเป็นวัณโรค และไม่อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เป็นวัณโรค ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว เคยติดโควิดแล้ว 1 ครั้ง
ตรวจร่างกาย อุณหภูมิ 38.5 องศาเซลเซียส น้ำหนัก 88 กิโลกรัม ต่อมน้ำเหลืองที่คอไม่โต ฟังปอดปกติ เอกซเรย์ปอดมีฝ้าขาวที่ปอดข้างขวาด้านบน ตรวจเลือดไม่พบติดเชื้อ HIV
ส่งเสมหะย้อมเชื้อหาวัณโรค AFB smear ให้ผลบวก ส่งเสมหะตรวจรหัสพันธุกรรมของเชื้อวัณโรค พบเชื้อวัณโรค M.tuberculosis ไม่ดื้อยา rifampicin ได้ผลในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
วินิจฉัย : เป็นวัณโรคปอด เริ่มยารักษาวัณโรค 4 ขนานคือ INH, rifampicin, pyrazinamide, ethambutol และวิตามิน B6 ผู้ป่วยกินยาได้ ไม่แพ้ยา หลังกินยาไข้ลง ไม่ไอ ไม่มีเสมหะ
ผลเพาะเชื้อวัณโรค 1 เดือนต่อมา ขึ้นเชื้อวัณโรค M.tuberculosis ไวต่อยารักษาวัณโรคทุกตัว เอกซเรย์ปอดหลังได้รับยา 5 สัปดาห์ ฝ้าขาวที่ปอดข้างขวาด้านบนดีขึ้น ต้องให้ยารักษาวัณโรค 4 ขนานต่อไปจนครบ 2 เดือน แล้วลดยาเหลือ INH, rifampicin และวิตามิน B6 รับประทานต่อไปจนครบ 6 เดือน
ผู้ป่วยรายนี้ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว อายุไม่มาก รูปร่างสูงใหญ่น้ำหนัก 88 กิโลกรัม ติดเชื้อและป่วยเป็นวัณโรคโดยไม่ทราบว่ารับเชื้อวัณโรคจากใคร วัณโรคเป็นโรคติดต่อระหว่างคนสู่คน ติดต่อทางการหายใจ คนที่แข็งแรงดีอย่างผู้ป่วยรายนี้ก็ยังป่วยเป็นวัณโรคได้
วัณโรคปอดมีอาการอย่างไร ข้อมูลจาก MedPark Hospital
วัณโรคมีอยู่ 2 ประเภท คือ วัณโรคแฝง และ วัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบ คนที่มีวัณโรคแฝงจะไม่แสดงอาการและวัณโรคชนิดนี้จะไม่แพร่กระจายไปยังบุคคลอื่น อย่างไรก็ดี วัณโรคแฝงอาจกลายมาเป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบได้ และจำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน ในขณะที่วัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบนั้นทําให้ผู้ป่วยมีอาการของวัณโรค และสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคระยะแสดงอาการหรือระยะกำเริบอาจมีอาการดังต่อไปนี้:
-มีอาการไอเรื้อรังยาวนานถึง 3 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น
-ไอแล้วเสมหะมีเลือดปนออกมา
-มีอาการเจ็บหน้าอก ขณะหายใจหรือไอ
-มีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
-มีน้ำหนักลดแบบไม่ทราบสาเหตุ
-มีอาการอ่อนเพลีย
-มีไข้ หรือมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน
-รู้สึกหนาวสั่น
-รู้สึกไม่อยากอาหาร
โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคอาจเป็นกันได้ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนอกเหนือจากปอดก็ได้ เช่น ไต กระดูกสันหลัง หรือสมอง โดยจะมีอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณร่างกายที่เกิด เช่น ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังหากวัณโรคลงกระดูกสันหลัง และผู้ป่วยอาจมีเลือดในปัสสาวะหากวัณโรคลงไต
สาเหตุของวัณโรคปอด
โดยทั่วไปแล้ว วัณโรคปอดมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis ที่ทำให้เกิดโรค ที่รับผ่านกันมาจากละอองฝอยทางอากาศ วัณโรคเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ซึ่งหมายความว่า ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะติดโรคจากคนใกล้ชิดหรือคนที่ทํางานด้วยกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จะได้รับเชื้อและเกิดวัณโรคง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ นอกจากนี้ เชื้อวัณโรคบางชนิดมีการดื้อยา โดยเฉพาะกลุ่มยาไอโซไนอาซิดและไรแฟมพิซิน