MG ประกาศ MG3 จะมาพร้อมเเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไฮบริดใหม่ HYBRID+ วิ่งไกล 800 กม. เร็ว ๆ นี้
เอ็มจี (MG) ประกาศเตรียมนำเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่เข้ามาใส่ในออล นิว เอ็มจีทรี ไฮบริดพลัส (ALL NEW MG3 HYBRID+) รถยนต์ไฮบริดที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์สีเขียว (Green Mobility) ซึ่งพัฒนาโดย SAIC MOTOR CORPORATION ที่ผสานประสิทธิภาพ ความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้การขับขี่ทำได้ดีขึ้น และมีระยะการวิ่งไกลสุด 800 กิโลเมตร เมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถัง
ALL NEW MG3 HYBRID+ เป็นรถ SUV กลุ่ม B-Segment ที่มีแรงม้าสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร โดยมาจากการผสานกำลังร่วมกันของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน E20 และมอเตอร์ขับเคลื่อนให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า 250 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ที่ใช้สร้างกระแสไฟได้สูงสุด 45 กิโลวัตต์ ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้า EDU 3 ระดับ มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Lithium-Ion) ความจุ 1.83 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยมี 8 โหมดขับเคลื่อนไฮบริด ตั้งแต่ระบบขับขี่ผสมผสาน ไปจนถึงโหมดการขับขี่ไฟฟ้า (Pure EV)
8 โหมดขับเคลื่อนของ ALL NEW MG3 HYBRID+ จากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงวิ่งแบบเต็มพลัง
ALL NEW MG3 HYBRID+ มีโหมดการขับเคลื่อนทั้งหมด 8 โหมด ด้วยกัน ได้แก่
1. โหมดจอดหยุดนิ่ง ระบบจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง (HV BATTERY) เพื่อทำให้ระบบปรับอากาศและระบบอื่นๆ ทำงานได้โดยที่เครื่องยนต์หยุดการทำงาน
2. โหมดวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน จนถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อออกตัวจากจุดหยุดนิ่งในช่วงความเร็ว 0 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน (Pure EV) พร้อมอัตราเร่งที่มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน
3. โหมดการจราจรหนาแน่น เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 30 – 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงความเร็วต่ำ ระบบจะสลับไปยังโหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) โดยเครื่องยนต์จะทำหน้าที่แค่เพียงปั่นไฟ และส่งกระแสไฟไปให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนตัวรถ
4. โหมดความเร็ววิ่งในเมือง ระดับความเร็ว 50 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โหมดระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) จะยังให้เครื่องยนต์ยังทำหน้าที่เป็นตัวปั่นไฟช่วยให้มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อโดยตรงได้แบบรถไฟฟ้า พร้อมส่งกระแสไฟส่วนเกินไปเก็บยังแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง
5. โหมดความเร็ววิ่งคงที่ เมื่อวิ่งด้วยความเร็วคงที่ในช่วงความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะสลับเป็นการใช้งานเครื่องยนต์ที่รอบความเร็วต่ำ ตัวเครื่องยนต์จะตัดต่อการทำงานผ่าน Hybrid Transmission มี 3 อัตราทดแบบอัตโนมัติ มาขับเคลื่อนที่ตัวล้อโดยตรง
6. โหมดวิ่งทางไกลและเร่งแซง เมื่อรถอยู่ในช่วงเร่งความเร็ว 80 – 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฮบริดกำลังสูงจะทำงานร่วมกัน (Parallel Hybrid) ตอบสนองความอต้องการเร่งแซงหรือขึ้นทางชัน รถจะสามารถให้อัตราเร่งสูงสุดที่ทำได้
7. โหมดความเร็วสูง เมื่อใช้ความเร็วสูงกับการขับทางไกลบนไฮเวย์ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานต่อเนื่อง โดยระบบจะแบ่งกำลังส่วนที่เหลือจากเครื่องยนต์ไปหมุนเจนเนเรเตอร์ เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ขณะที่รถขับเคลื่อนไปด้วย
8. โหมดลดความเร็ว (Regenerative) เมื่อผ่อนคันเร่งลดความเร็วลงมาในช่วง 120-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือช่วงขับขี่ลงทางชัน ระบบ HYBRID+ จะใช้มอเตอร์เป็นตัวหน่วงกำลัง เพื่อทำหน้าที่ชาร์จไฟเป็นระบบ Energy Regeneration 3 ระดับ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าระดับการรีเจนได้แบบรถไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้สูงสุด
ทั้งหมดคือรายละเอียดระบบเคลื่อนแบบ HYBRID+ โดย MG ประกาศว่า ALL NEW MG3 HYBRID+ มีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทย เร็วๆ นี้ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของเอ็มจี
ข้อมูลภาพจาก บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย)