สรุปงานเปิดตัวสินค้าใน Apple "Wonderlust" Event: iPhone 15, Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Ultra 2
Apple Event ปีนี้ มาในชื่อแนวคิดว่า วันเดอร์ลัส (Wonderlust) เสมือนการเดินทางครั้งใหม่ของ Apple เพราะในงานครั้งล่าสุดนี้ มีทั้งการเปิดตัว iPhone 15, Apple Watch Series 9, และ Apple Watch Ultra 2 ที่ดูแล้วอาจจะมีคนพร้อมควักกระเป๋าตังค์กันในเร็ว ๆ นี้
Apple Watch Series 9 และ Apple Watch Ultra 2
เริ่มต้นกันที่ Apple Watch Series 9 ที่ได้ชิปใหม่อย่าง เอสไนน์ ซิป (S9 SiP) เร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม พร้อมติดตั้งสิริ (Siri) ผู้ช่วยส่วนตัวมาภายในเครื่องแบบไม่ง้ออินเทอร์เน็ตอีกต่อไป เข้าถึงข้อมูลสุขภาพได้ไวและลึกกว่าเดิม และเสริมการหาไอโฟนได้แม่นยำยิ่งขึ้นสำหรับคนขี้ลืม
โดยการยกเครื่องครั้งนี้ยังมีฟีเชอร์เด่นอย่าง ดับเบิล แท็บ (Double Tab) ที่จับการเคลื่อนไหวของมือที่กดนิ้วสองครั้งติดกันเพื่อป้อนคำสั่ง ทั้งการรับสาย วางสาย และปิดนาฬิกาปลุกอย่างแม่นยำ พร้อมสีใหม่เอาใจสายหวานอย่างสีชมพู ในราคาเริ่มต้น 15,900 บาท
นอกจากนี้ยังมี Apple Watch Ultra 2 ตามที่ลือกัน โดยการเปลี่ยนแปลงสำคัญเน้นไปที่การปรับปรุงชิปเป็น S9 SiP และหน้าจอใหม่ที่สว่างถึง 3,000 nits พร้อมปรับปรุงการเก็บบันทึกการดำน้ำ มาในราคา 31,900 บาท
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus
ต่อกันที่ไฮไลต์สำคัญอย่าง iPhone 15 ที่ได้ USB-C มาตามนัด พร้อมไดนามิก ไอแลนด์ (Dynamic Island) ที่แจ้งเตือนได้หลายอย่าง ได้จอสว่างขึ้นเป็น 2,000 nits ในที่กลางแจ้ง และได้สีใหม่ยกชุด ทั้งดำ ฟ้า เหลือง ขาว และชมพูพาสเทลน่ารักสดใส
แม้ว่าจะไม่ได้มีขนาดจอใหม่ แต่ให้ขอบเครื่องโค้งมนมากขึ้น โดยยังคงใช้โครงแบบอะลูมีเนียมตามเดิม ส่วนกล้องมีการออกแบบใหม่ ซูมได้ 2 เท่า แม้ใช้กล้องหลัก ซึ่งยกระดับมาตรฐานเป็นความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
iPhone 15 จะได้ชิปใหม่เป็น A16 Bionic ที่ใช้ใน iPhone 14 Pro มาก่อน พร้อมยกระดับระบบฉุกเฉินเช่นโหมดโรดไซด์ แอสซิสแทนซ์ ไวร์ แซทเทลไลต์ (Roadside Assistance via Satellite) ที่ต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง และส่วน USB-C ที่ได้มาก็สามารถต่อชาร์จ AirPods Pro ได้ด้วย
iPhone 15 จะยังคงราคาเริ่มต้น 32,900 บาท และ iPhone 15 Plus ที่ได้จอใหญ่ขึ้นเป็น 6.7 นิ้ว ในราคาเริ่มต้น 37,900 บาท ซึ่งพร้อมขายใน 22 กันยายนนี้
iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max
ส่วนพี่ใหญ่อย่าง iPhone 15 Pro และ Pro Max จะได้โครงนอกเป็นไทเทเนียมเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมอวกาศ ทำให้ตัวเครื่องเบาลงแต่แข็งแรงกว่า iPhone 14 Pro ขอบจอบางลง แต่ยังคงหน้าจอขนาดเดิม
การเปลี่ยนแปลงที่ปุ่มปิดเสียงได้กลายเป็น Action Button ซึ่งตั้งค่าได้ว่าจะให้การกดปุ่มนี้ทำอะไร และได้ชิปใหม่ที่ชื่อว่า A17 Pro ที่แรงกว่าไอโฟนรุ่นเดิมร้อยละ 10 พร้อมยกเครื่องกราฟิก ด้วย Pro-class GPU ที่แรงขึ้นร้อยละ 20 ทำให้การเล่นเกมลื่นขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังให้เซนเซอร์รับภาพที่ใหญ่ขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัดและมีมิติดีกว่าเดิม และในรุ่น Pro Max จะได้เลนส์ซูม 5 เท่า ระยะโฟกัส 120 มิลลิเมตร มากที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมา
iPhone 15 Pro รองรับการใช้ USB 3 ที่เร็วกว่า และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K 60 เฟรมต่อวินาที และเป็นครั้งแรกที่ iPhone 15 Pro สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 3 มิติ ซึ่งจะดูผ่าน Apple Vision Pro ได้ในอนาคต โดยมีให้เลือก 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีไทเทเนียมดำ, ไทเทเนียมขาว, ไทเทเนียมน้ำเงิน และไทเทเนียมสีธรรมชาติ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 41,900 บาท สำหรับรุ่น Pro และ 48,900 บาท สำหรับ Pro Max
การเปิดตัวสินค้าเพื่อความยั่งยืนของ Apple
โดยในปีนี้ Apple ได้เน้นการสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งการใช้วัสดุรีไซเคิลทั้งใน Apple Watch และ iPhone พร้อมวัสดุรีไซเคิลแบบใหม่ ไฟน์ วูฟเวน (Fine Woven) ที่ใช้กับสายนาฬิกา Apple Watch Series 9 และกับอุปกรณ์เสริมของ iPhone 15 ด้วยเช่นกัน
และนี่ก็คือทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลที่เปิดตัวในครั้งนี้ ที่แม้จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่น้อยกว่าปีก่อนหน้า แต่ว่าก็เพิ่มการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เหล่าแฟน ๆ ของแอปเปิลน่าจะถูกใจไม่น้อย
ที่มารูปภาพ Apple