รีเซต

เปิดใจ ตา-ยาย หลานวัย 12 ปี ถูกเพื่อนแกล้งจนสลบ

เปิดใจ ตา-ยาย หลานวัย 12 ปี ถูกเพื่อนแกล้งจนสลบ
TNN ช่อง16
30 สิงหาคม 2563 ( 09:49 )
162
1
เปิดใจ ตา-ยาย หลานวัย 12 ปี ถูกเพื่อนแกล้งจนสลบ

วันนี้( 30 ส.ค.63) ความคืบหน้าดรามาร้อนในโลกออนไลน์ กรณีผู้ปกครองของนักเรียนหญิงชั้น ม.1 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม โพสต์ภาพและคลิปเหตุการณ์ขณะหลานสาวถูกเพื่อนๆรุมแกล้งจนหมดสติ แต่กลุ่มเพื่อกลับไม่พาส่งโรงพยาบาล แถมยังช่วยกันแกล้งแต่งหน้าเป็นศพ และถ่ายคลิปล้อเลียนด้วยความคึกคะนอง 

ล่าสุด TNNช่อง16 ตรวจสอบข้อมูลทราบว่า นักเรียนหญิงที่ถูกเพื่อนแกล้ง ชื่อน้องแก้ม อายุ 12 ปี อาศัยอยู่กับคุณตา-คุณยาย เพราะพ่อแม่ไปทำงานต่างจังหวัด ตอนนี้อาการของน้องดีขึ้นแล้ว ออกมาพักฟื้นที่บ้านแต่ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่ และยังต้องรอการนัดตรวจเช็กร่างกายจากแพทย์อย่างละเอียดอีกครั้ง

โดยหลังเกิดเหตุและตกเป็นข่าว ทางผู้บริหารโรงเรียนรวมถึงครูอาจารย์ ยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงหรือให้ข้อมูลผ่านสื่อ มีเพียงไปสอบถามติดตามดูแลอาการเจ็บป่วยของน้องแก้มและพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง

คุณตา-คุณยายของ น้องแก้ม เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่โรงเรียนขณะน้องแก้มทำกิจกรรมประดิษฐ์โครงงานวิทยาศาสตร์กับเพื่อน จากนั้นน้องแก้มเกิดอาการโรคประจำตัว "หอบหืด" กำเริบและเป็นลมหมดสติเพราะมีเพื่อนในห้องฉีดน้ำหอมแกล้งกัน จากนั้นเพื่อนๆต่างพากันคึกคะนองอุ้มน้องแก้มขึ้นนอนบนโต๊ะยาวและมีการแต่งหน้า พร้อมถ่ายคลิปมาล้อเลียน อีกทั้งยังทราบว่าน้องแก้มตกจากโต๊ะสูงหัวฟาดพื้นอีกด้วย 

เมื่อเพื่อนๆ นำภาพมาเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก จึงมีรุ่นพี่และครูมาเห็นและช่วยกันประสานรถพยาบาล 1669 ส่งโรงพยาบาลอำเภอนาแก โชคดีที่น้องไม่เป็นอันตรายมาก ล่าสุดอาการปลอดภัย แพทย์ระบุว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากแพ้น้ำหอมทำให้หมดสติแต่ไม่เคยป่วยมีอาการแบบนี้มาก่อน

คุณตา - คุณยายของน้องแก้ม บอกว่า ตกใจและเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นโชคดีที่หลานสาวปลอดภัย หลังเกิดเรื่องครูอาจารย์ได้ติดตามดูแลสอบถามอาการ แต่ยังไม่ได้คุยเรื่องติดใจเอาความใคร มาถึงวันนี้ยอมรับว่าไม่พอใจที่ทำกับหลานสาวแต่พร้อมให้อภัยไม่ขอเอาเรื่องใคร เพราะเป็นเด็กด้วยกัน ทำไปเพราะคึกคะนองสนุก

แต่สิ่งสำคัญอยากฝากถึงครูผู้บริหารให้หมั่นตรวจสอบดูแลหามาตรการดูแลใกล้ชิด แนะนำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องและฝากไปยังผู้ปกครองเด็กทุกคนให้คำแนะนำ โชคดีครั้งนี้ไม่เกิดอันตราย เพราะหากช่วยเหลือไม่ทันอาจถึงชีวิต แต่คงยังต้องคอยดูอาการไปสักระยะเพราะหลานยังมีอาการอ่อนเพลีย



เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง