รู้จัก “โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” เพื่อลูกหนี้ยุคโควิด
วิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก ทำให้ภาคธุรกิจหลายส่วนได้รับผลกระทบ ต้องปิดกิจการชั่วคราว หรือไปถึงขั้นปิดกิจการถาวร ส่งผลถึงภาคแรงงานที่ขาดรายได้ หรือต้องตกงานไป แต่ละคนต่างก็มีภาระหนี้สินติดตัว ไม่มีรายได้มาชำระหนี้ ทาง ธปท. กระทรวงการคลัง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง “โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อีกรูปแบบหนึ่ง วันนี้ trueID จะพาไปรู้จักโครงการนี้ว่าเป็นอย่างไร
“โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน” คืออะไร?
เป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อเป็นช่องทางให้คำแนะนำ ความรู้ และข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจร
ตั้งแต่การวิเคราะห์สถานะหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ การเตรียมตัวเจรจาแก้ไขหนี้ การให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง หรือลงทุนปรับปรุงกิจการ การแบ่งปันประสบการณ์การปรับตัวและปรับธุรกิจของผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆ
ตลอดจนการจัดบรรยายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่ตรงจุดตามสถานการณ์ของลูกหนี้แต่ละกลุ่ม รวมทั้งการเผยแพร่คลิป และสื่อการสอนต่างๆ เพื่อให้นำไปศึกษาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ความพิเศษของโครงการหมอหนี้ฯ คือ ลูกหนี้ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถติดต่อขอคำแนะนำเชิงลึกเพิ่มเติมจากทีมหมอหนี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงินเอสเอ็มอี บสย. (บสย. FA Center) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
หากลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้เอสเอ็มอี เห็นว่ายังต้องการได้รับคำปรึกษาจากหมอหนี้ ก็สามารถลงทะเบียนเข้ามาขอรับคำปรึกษาได้ หลังจากลูกหนี้ที่ได้กรอกข้อมูลครบถ้วนและส่งใบสมัครสำเร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับเพื่อนัดหมายรอพบหมอหนี้ภายใน 5-7 วันทำการ
ประเภทหนี้ เพื่อเรียนรู้แนวทางการแก้ไขหนี้ 3 แบบ
1.หนี้ธุรกิจ
สินเชื่อเพื่อใช้สำหรับประกอบธุรกิจ รวมถึงการปรับปรุงร้าน และการซื้อวัตถุดิบ โดยที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้จ่ายส่วนตัว (SMEs/ขนาดใหญ่) คลิก
กระบวนการแก้ไขหนี้ธุรกิจ
2.หนี้รายย่อย
สินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เพื่ออุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน คลิก
กระบวนการแก้ไขหนี้รายย่อย
3.การสร้างรายได้เพิ่ม
เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในปัจจุบัน เราควรเพิ่มพูนทักษะต่าง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มในยามที่รายได้ทางเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป คลิก
แนวทางการหารายได้เสริม
ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด บางธุรกิจถูกจำกัดเวลาการให้บริการ บางธุรกิจถูกสั่งปิดชั่วคราว ทำให้ผู้ประกอบการ พนักงาน หรือลูกจ้างต้องปรับตัวเพื่อประคองธุรกิจ หนึ่งในการปรับตัวที่จำเป็น คือการหารายได้เสริม เพื่อชดเชยรายได้เดิมที่ลดน้อยลง หรือเพื่อจับจ่ายใช้สอยในยามที่มีค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ เพิ่มขึ้น
แนวคิดการหารายได้
การหารายได้เสริมไม่เพียงจะช่วยให้ลูกหนี้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ แต่ยังอาจใช้เป็นช่องทางการประกอบอาชีพเพิ่มเติมในอนาคต ลูกหนี้หลายรายสามารถต่อยอดทักษะเดิมที่มีอยู่ หรือค้นพบทักษะใหม่ที่ไม่คิดว่าตนสามารถทำได้ ให้กลายเป็นอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มพูนรายได้ยิ่งขึ้นไปอีก
หัวใจสำคัญจึงอยู่ที่การสำรวจตัวเอง สำรวจตลาด เลือกสิ่งที่ใช่ และลงมือทำ
ซึ่งโครงการหมอหนี้เพื่อประชาชนมีข้อแนะนำเบื้องต้น ดังนี้
ตัวอย่างแนวคิดการหาอาชีพเสริม
ลงทะเบียนได้ที่ไหน?
ทั้งนี้ ลูกหนี้สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษากับหมอหนี้
- ผ่านเว็บไซต์โครงการหมอหนี้เพื่อประชาชน
- ติดต่อสอบถามได้ทั้งที่ ธปท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
- สำนักงานภาคของ ธปท. ทั้ง 3 แห่งที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา
โครงการหมอหนี้ฯ แตกต่างจาก ทางด่วนแก้หนี้ ยังไง?
โครงการหมอหนี้ฯ แตกต่างจากสายด่วน 1213 และทางด่วนแก้หนี้ ตรงที่ โครงการหมอหนี้ฯ เป็นช่องทางการขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำเรื่องหนี้ มิใช่ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน หรือขอความอนุเคราะห์ของผู้ให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมการให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเงิน การปรับธุรกิจเพื่อหารายได้เพิ่ม และการเตรียมแผนธุรกิจเพื่อขอกู้เงิน ให้คำปรึกษาโดยพิจารณาภาพรวมของหนี้สินที่มีทั้งหมดกับความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เบ็ดเสร็จ โดยมุ่งหวังให้ลูกหนี้สามารถบริหารหนี้และดำเนินธุรกิจต่อได้อย่างยั่งยืน
มีสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการกี่แห่ง?
ปัจจุบันมีสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ 13 แห่ง เป็นสถาบันการเงินของรัฐ 7 แห่ง และธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง ได้แก่
1.บสย.
2.ธนาคารอาคารสงเคราะห์
3.ธนาคารออมสิน
4.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
5.ธนาคารกรุงไทย
6.EXIM BANK
7.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
8. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
9.ธนาคารยูโอบี
10.ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
11.ธนาคารกสิกรไทย
12.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
13.ธนาคารกรุงเทพ
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์อื่นๆ อยู่ระหว่างทยอยเข้าร่วมโครงการ ซึ่งหากมีเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบในระยะต่อไป
ข้อมูล : ธปท. , มติชน