รีเซต

เมื่อเผชิญหน้ากับ “สิงโต” ควรเอาตัวรอดอย่างไร?

เมื่อเผชิญหน้ากับ “สิงโต” ควรเอาตัวรอดอย่างไร?
TNN ช่อง16
11 กันยายน 2568 ( 12:00 )
35

“สิงโต” เป็นสัตว์ป่าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมมากมาย ด้วยท่วงท่าที่งามสง่า และความดุร้ายที่น่าค้นหา แต่ความงดงามของธรรมชาติก็มาพร้อมกับความอันตราย ล่าสุดเกิดเหตุสลดเมื่อเจ้าหน้าที่รายหนึ่งถูกสิงโตทำร้ายจนเสียชีวิต ตอกย้ำถึงความเสี่ยงของการเข้าใกล้สัตว์ป่าเกินควร


“สิงโต” นับเป็นสัตว์นักล่าที่มีประวัติยาวนาน ทั้งในวัฒนธรรมอียิปต์โบราณและจักรวรรดิโรมัน สิงโตมีพลังและความสามารถในการล่า แม้มนุษย์ไม่ใช่เหยื่อหลัก แต่ก็มีรายงานผู้เสียชีวิตจากการถูกสิงโตทำร้ายปีละราว 250 คน ในขณะที่ฮิปโปฆ่าคนได้ปีละประมาณ 500 คน และงูกัดคนเสียชีวิตปีละ 7,000–32,000 คน


ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าแอฟริกา แนะนำว่า หากนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับสิงโตโดยไม่คาดคิด ไม่ว่าจะระหว่างการเดินซาฟารี นั่งรถชมสัตว์ หรือใกล้พื้นที่ตั้งแคมป์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “อย่าวิ่งหนี” เพราะทันทีที่สิงโตเห็นการวิ่ง มันจะมองว่าเป็นเหยื่อและอาจกระตุ้นสัญชาตญาณการล่าในทันที

นอกจากนี้ยังมีสัญญาณพฤติกรรมของสิงโตที่ควรสังเกต เช่น

  • หากสิงโตสะบัดหางไปมา แสดงว่ากำลังตึงเครียดหรือรู้สึกถูกคุกคาม
  • หากหางแข็งและกระดิกเป็นจังหวะเล็กน้อย แสดงถึงการเข้าสู่โหมดล่า
  • หากก้มหัวต่ำและแสดงท่าทางลอบตาม นั่นคือสัญญาณอันตรายขั้นสูงสุด

วิธีการรับมือที่ถูกต้องคือ ยืนนิ่งในที่เดิม แม้สิงโตจะพุ่งเข้ามาในลักษณะการ “ขู่” ซึ่งอาจวิ่งเข้าหาคุณด้วยความเร็วสูงถึง 80 กม./ชม. แต่หลายครั้งเป็นเพียงการทดสอบ หากสิงโตหยุดและยังไม่ถอยออกไป ให้เริ่มถอยหลังอย่างช้า ๆ และหยุดทันทีหากมันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง


และในกรณีอยู่ในรถ ในขณะเยี่ยมชมห้ามโผล่อวัยวะออกนอกหน้าต่างหรือขึ้นหลังคารถ อย่าขับรถแยกฝูงสิงโต เพราะอาจทำให้สัตว์โกรธ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงเวลาล่าและเวลาค่ำ–รุ่งสาง เพราะสิงโตมักล่าสัตว์ในช่วงเช้า–เย็น–กลางคืน วิธีการสังเกตสัญญาณเตือนของสิงโต คือคำรามต่ำ, จ้องตา, ท่าทางป้องกัน, หางชูขึ้นและแกว่ง หากเจอสัญญาณนี้อย่าหันหลังวิ่ง

วิธีตอบสนองเมื่อถูกสิงโตเข้ามาใกล้ อย่านั่งยองหรือก้มตัวลง เพราะอาจทำให้ดูเหมือนเหยื่อ ควรทำตัวให้ดู “ใหญ่ขึ้น” และส่งเสียงเพื่อแสดงตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่อาหาร สำหรับสัตว์นักล่าอย่างสิงโต มนุษย์ไม่ใช่เหยื่อโดยธรรมชาติ แต่ความเคลื่อนไหวผิดจังหวะหรือพฤติกรรมการวิ่งอาจเปลี่ยนเราให้กลายเป็นเป้าหมายได้ ต้องยืนหยัดให้มั่น ไม่แสดงความกลัว ทำตัวให้ใหญ่ขึ้น เช่น โบกแขนหรือผ้า จากนั้นถอยหลังช้า ๆ จนกว่าจะถึงจุดปลอดภัย และหากถูกโจมตีจริง ต้องสู้กลับและสร้างเสียงให้มากที่สุด ที่สำคัญอย่าไปคนเดียว การอยู่เป็นกลุ่มช่วยทำให้โอกาสรอดให้สูงขึ้น


“สัญชาตญาณนักล่า” ของสิงโตยังคงมีอยู่ในตัวพวกมันทุกตัว สิงโตตัวผู้หนักได้ถึง 190 กิโลกรัม ตัวเมียราว 130 กิโลกรัม มีแรงกัดมากพอจะสังหารควายป่าหรือม้าลายได้ โดยปกติสิงโตไม่มองมนุษย์เป็นอาหาร แต่ถ้าเห็นการวิ่งหรือพฤติกรรมคล้ายเหยื่อ มันสามารถ “สับสวิตช์” เข้าสู่โหมดล่าได้ทันที และสิงโตมักล่าเป็นฝูง โดยใช้การลอบเข้าประชิดอย่างเงียบ ๆ การก้มหัวต่ำและเล็งเป้าคือสัญญาณอันตรายขั้นสูงสุด


แม้โดยทั่วไปสัตว์ป่ามักหลีกเลี่ยงมนุษย์และไม่ก่ออันตราย แต่กรณีเจ้าหน้าที่ซาฟารีที่ถูกสิงโตขย้ำจนเสียชีวิตครั้งล่าสุด เป็นเครื่องเตือนใจว่า “สัตว์ป่ายังคงเป็นสัตว์ป่า” ที่ต้องได้รับการเคารพและเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ไม่ควรเข้าใกล้จนเกินไป เพราะความผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีอาจแลกด้วยชีวิตได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง