รีเซต

“หวย ก ข” รูปแบบเสี่ยงโชคสมัยก่อน ที่ชาวไทย “ติดระงมทั้งวันทั้งคืน”

“หวย ก ข” รูปแบบเสี่ยงโชคสมัยก่อน ที่ชาวไทย “ติดระงมทั้งวันทั้งคืน”
TNN ช่อง16
30 เมษายน 2567 ( 18:04 )
43

นับเป็นเรื่องที่ปิติอย่างยิ่ง สำหรับ “ชาวลาวอพยพ” ที่ได้รับรางวัล “แจ็คพ็อต” ล็อตเตอรีพาวเวอร์บอลแห่งรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา เงินรางวัลราว 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [ประมาณ 48,000 ล้านบาท] สร้างสถิติจำนวนเงินรางวัล “มากที่สุดอันดับที่ 8” ของพาวเวอร์บอลทั่วทั้งสหรัฐฯ อีกด้วย


แน่นอน หากกล่าวถึงเรื่องหวยแล้ว ย่อมต้องยอมรับตามตรงว่า มีความเกี่ยวพันกับ “ชาวไทย” อย่างแน่นแฟ้น 


ไม่เพียงแต่ในยุคร่วมสมัย แต่ยังมีมานานตั้งแต่สมัย “ต้นรัตนโกสินทร์” ที่เรียกกันว่า “หวย ก ข” เลยทีเดียว


ร่วมติดตามรอยทาง “การเสี่ยงโชค” ที่อยู่คู่กับแผ่นดินแหลมทองมาช้านานได้ ณ บัดนี้


🟠 คนจนก็หวังกับหวย


หากสืบย้อนรอยทาง “ประวัติศาสตร์สังคม” จะพบว่า การพนันด้านการเล่นหวย ปรากฎในสมัย “รัชกาลที่ 3” โดยรับมาจาก “ผู้อพยพชาวจีน” อีกทอดหนึ่ง เพราะตอนนั้น รัชกาลที่ 3 ทรงนิยมค้าขายกับชาวจีนอย่างมาก 


แต่พระองค์ไม่ได้ให้การสนับสนุน หวยจึงมีเล่นเฉพาะแต่ชาวจีนอพยพ แต่แล้ว ในที่สุด หวยก็ได้เปิดให้ชาวไทยเล่น ตามบันทึกของพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 3 ความว่า 


“เมื่อครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีเถาะ (พ.ศ. ๒๓๗๔) น้ำมาก เมื่อปีมะโรง (พ.ศ. ๒๓๗๕) น้ำน้อยข้าวแพง ต้องซื้อต่างประเทศเข้ามาจ่ายขาย คนไม่มีเงินจะซื้อข้าวกินต้องมารับจ้างทำงานคิดเอาเข้าเปนค่าจ้าง เจ้าภาษีนายอากรก็ไม่มีเงินจะส่ง ต้องเอาสินค้าใช้ค่าหลวงที่สุดจนจนผูกปี้ก็ไม่มีเงินจะให้ ต้องเข้ามารับทำงานในกรุงเทพฯ จึงทรงพระราชดำริห์แคลงไปว่า เงินตราบัว เงินตราครุธ เงินตราปราสาท ได้ทำใช้ออกไปก็มาก หายไปเสียหมด ทรงสงสัยว่าคนจะเอาไปซื้อฝิ่นมาเก็บไว้ขายในนี้ จึงโปรดให้จับฝิ่นเผาฝิ่นเสียเปนอันมาก ตัวเงินก็ไม่มีขึ้นมา แลจีนหงพระศรีไชยบาล (นายอากรสุรา) จึงกราบทูลว่าเงินนั้นไปตกอยู่ที่ราษฎร เก็บฝังดินไว้มากไม่นำออกใช้ ถ้าอย่างนี้ในเมืองจีนตั้งหวยขึ้นจึงมีเงินมา จึงโปรดให้จีนหงตั้งหวยขึ้นเมื่อเดือนยี่ปีมะแมจุลศักราช ๑๑๘๗ (พ.ศ.๒๓๗๘)”


ข้างต้น สามารถตีความได้ว่า ในช่วงที่ข้าวยากหมากแพง ประชาชนพากัน “ฝังเงินในไห” ไม่ยอมจ่ายอากรหรือจับจ่าย ส่งผลให้ข้าราชการหาเงินเข้าวังไม่ได้ พระองค์จึงทรงมอบหมายให้ “เจ๊กหง” เปิดบ่อนขึ้น เพื่อให้ประชาชนมา “แทงหวย” จะได้นำเงินเข้าพระคลัง อีกทอดหนึ่ง


โดยวิธีการเล่น นั่นคือ ผู้พนันต้องเลือก “ตัวอักษรไทย ก-ฮ” และ “นายบ่อน” จะทำการจับสลากว่า ผู้เล่นเลือกถูกหรือไม่ โดยเงินรางวัล จะคิดจากเงินที่ลงทุนทบไป “30 เท่า” เลยทีเดียว


ในกาลต่อมา ชาวไทยนิยมเล่นหวยอย่างมาก ชนิดที่ว่า “อากรหวย” เป็นรายได้หลักแก่พระคลัง แซงหน้าอากรอื่น ๆ เลยทีเดียว


ทั้งนี้ ความน่าสนใจของหวย นั่นคือ หวยได้ทำการ “เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์” ในสังคมไทย ให้เกิด “การใช้ชีวิตยามค่ำคืน” มากขึ้น ในสมัยที่ “ไฟฟ้า” ยังไม่ได้สว่างทั่วทิศ กลางคืนคือเวลาของ “ภูติผีปีศาจ” ประชาชนต่างปิดบ้านนอน ตัวใครตัวมัน


แต่เมื่อรัฐต้องการที่จะ “ควบคุมหวย” ในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากการเล่นหวยนั้น “ขาดความศิวิไลซ์” นั่นทำให้ บรรดานายบ่อนจึงต้องหนีมาเปิดบริการในเวลากลางคืน เพื่อให้รอดพ้นจาก “สายตาภาครัฐ” เป็นที่ตั้ง


“ที่สนุกของกรุงเทพ มีอยู่เป็นหย่อม ๆ ตามบ่อนเบี้ยและโรงหวย เพราะมีคนไปเล่นเบี้ยและแทงหวย เที่ยวเตร่หาความสำราญ มีผู้คนพลุกพล่านในเวลาค่ำคืน”


ข้างต้น คือ ทรรศนะของ พระยาอนุมานราชธน ปราชญ์ด้านวรรณคดี ในประเด็นของการพนันยามค่ำคืน ซึ่งจะเห็นว่า นอกจากจะมีการเล่นหวยแล้ว ยังแถมมากับการเที่ยวกลางคืนอีกด้วย


มีการตั้งโรงหวยรับลูกค้ามาลงทุนไปจนถึงเวลา “สองนาฬิกา” ของวันใหม่ ซึ่งเป็นเวลาที่หวยออก ระหว่างที่รอนั้น โรงหวยก็จะมี “มหรสพ” ต่าง ๆ ไว้ดึงดูดใจ อาทิ การเล่นงิ้ว การแสดงละคร หรือ “โสเภณี”


เท่านั้นยังไม่พอ หากเล่นหวยแล้วไม่พอใจ ทางร้านยังมี เบี้ย ถั่ว โปปั่น โปกำ กำตัด และไพ่ คอยดึงดูดนักลงทุนอีกด้วย


🟠 ครับ สมหวังนะครับ


จะเห็นได้ว่า กิจการหวยของไทยนั้น เกิดขึ้นมาจาก “รัฐ” ที่อยากจะ “เก็บอากร” ของประชาชนเป็นที่ตั้งมาแต่ไหนแต่ไร แต่ภายหลังก็หันกลับมา “ควบคุม” ด้วยเห็นว่าเป็น “ความเสื่อมทราม” ในสังคม 


แต่แล้ว เมื่อประกาศใช้ ”พระราชบัญญัติอากรการพนัน แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2461” ในสมัยรัชกาลที่ 6 หวยก็แทบจะ “หมดสิ้น” ไปจากสังคมไทย


กระนั้น ใช่ว่ารัฐจะใจร้ายกับนักเสี่ยงโชคเสียทีเดียว เพราะได้มีหวยบางชนิด ที่ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการ อาทิ หวยเบอร์ “วันของเรา”


เรื่องนี้ ปรากฏข้อความบนหน้าหนังสือพิมพ์ BANGKOK TIMES ฉบับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1919 [พ.ศ. 2461] ได้ลงประกาศผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลที่ 1 เป็นผู้ถือตั๋วหมายเลข 294264 เป็นถึงกุมารแพทย์ อายุมากกว่า 60 ปี มีนามว่า “หมอน่วม” บ้านอยู่บางลำภูกลาง จังหวัดพระนคร 


ซึ่งหมอน่วมผู้นี้ได้ซื้อหวยเบอร์ “วันของเรา” ไว้เพียง 1 ฉบับเท่านั้น จากจำนวน 50 ฉบับที่อยู่ในเล่มเดียวกัน และมีอีกหลายรายที่เหมาทั้งเล่มที่มีถึง 50 ฉบับ ไม่ถูกรางวัลเลยก็มี หมอน่วมผู้นี้ถือเป็นนักเสี่ยงโชคที่ได้เป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ในการออกหวยเบอร์ “วันของเรา” ในครั้งนี้


ซึ่งหวยเบอร์ในลักษณะดังกล่าว อาจจะเป็นหนึ่งใน “รอยทาง” ของ “การออกสลากกินแบ่งรัฐบาล” เลยทีเดียว


Exclusive by วิศรุต หล่าสกุล


แหล่งอ้างอิง


หนังสือ กรุงเทพฯ ยามราตรี

https://www.nat.go.th/ 

https://www.silpa-mag.com/culture/article_10768

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-68925496 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง